การเติบโตและพัฒนาการ

ในช่วงวัยเตาะแตะ ลูกของคุณจะมีส่วนสูงและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีความอยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัยมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ การเติบโตและพัฒนาการ มาเรียนรู้วิธีสนับสนุนพวกเขาให้ดีที่สุด ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การเติบโตและพัฒนาการ

แป้งโดว์ มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร และวิธีทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง

แป้งโดว์ เป็นของเล่นที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เด็กสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการปั้นแป้งโดว์เป็นรูปร่างต่าง ๆ ตามต้องการ ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างจินตนาการและการเรียนรู้ของเด็ก เช่น ช่วยเสริมพัฒนาการด้านการใช้ภาษาและสื่อสาร เมื่อเด็กเล่นแป้งโดว์พร้อมเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว ที่สำคัญการปั้นแป้งโดว์ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กบริเวณมือและนิ้วของเด็กได้เป็นอย่างดีอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่สามารถหาซื้อแป้งโดว์สำเร็จรูป หรือทำแป้งโดว์จากส่วนผสมที่หาได้ง่าย ๆ ภายในบ้าน แป้งโดว์ทำเองนั้นปลอดสารเคมี คุณพ่อคุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แป้งโดว์ คืออะไร แป้งโดว์เป็นก้อนแป้งเนื้อนิ่ม ยืดหยุ่นได้ และมีสีสันสดใส สามารถใช้ปั้นเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้คล้ายดินน้ำมัน แต่ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อเด็ก จึงเป็นของเล่นที่ให้ทั้งความเพลิดเพลินและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างปลอดภัย เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มหยุดหยิบสิ่งของเข้าปาก วิธีการทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง วิธีการทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง อาจมีดังนี้ ส่วนผสมของแป้งโดว์ แป้งสาลีหรือแป้งข้าวโพด 2 ถ้วยตวง ครีมออฟทาร์ทาร์ (Cream of tartar) 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ถ้วยตวง สีผสมอาหาร น้ำ 2 ถ้วยตวง ถาดหรือเขียง กระทะเทฟล่อนหรือกระทะเคลือบ ขั้นตอนการทำ แป้งโดว์ ใส่แป้งสาลี เกลือ ครีมออฟทาร์ทาร์ และน้ำมันพืชลงในภาชนะที่เตรียมไว้ […]

สำรวจ การเติบโตและพัฒนาการ

การเติบโตและพัฒนาการ

แปรงฟันให้ลูก และวิธีดูแลช่องปากที่ถูกต้อง

การแปรงฟัน ควรฝึกฝนตั้งแต่เด็กให้เป็นนิสัย โดยคุณพ่อคุณแม่ควร แปรงฟันให้ลูก ตั้งแต่เริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นเป็นซี่แรก นอกจากสอนวิธีแปรงฟันที่ถูกต้อง ควรสอดแทรกวิธีอื่น ๆ สำหรับดูแลสุขภาพช่องปาก เช่น การบ้วนปาก การกลั้วคอ เพื่อสร้างพื้นฐานการมีสุขภาพปากที่ดีและฟันที่แข็งแรงต่อไป [embed-health-tool-vaccination-tool] ทำไมจึงต้อง แปรงฟันให้ลูก การแปรงฟันมีประโยชน์อย่างมาก ทั้งช่วยขจัดคราบหินปูน คราบฟัน เศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน รวมถึงกลิ่นปากได้ด้วย ซึ่งคราบและเศษอาหารเหล่านี้ คือต้นตอของปัญหาสุขภาพปากและฟัน ทั้งยังเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย ฉะนั้น ตุณพ่อคุณแม่จึงควรฝึกฝนและแปรงฟันให้ลูกอย่างน้อยวันละสองครั้ง หากลูกน้อยยังไม่มีฟันน้ำนมขึ้น อาจใช้สำลี หรือผ้าชุบน้ำอุ่น หรือผลิตภัณฑ์เข็ดทำความสะอาดภายในช่องปากสำหรับเด็ก เช็ดบริเวณเหงือก ลิ้น และกระพุ้งแก้ม เตรียมความพร้อมในการ แปรงฟันให้ลูก วัยเด็กเป็นวัยที่ฟันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งยังเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพฟันหากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะปัญหาที่พบได้บ่อยคือ ฟันผุ ทั้งนี้ อาจป้องกันปัญหาสุขภาพเหงือกและฟันให้ลูกน้อยได้ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ ฟันยังไม่ขึ้น ในช่วงที่ลูกน้อยยังไม่มีฟันน้ำนมงอกขึ้นมานั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นทำความสะอาดเหงือกและลิ้นเพื่อเช็ดคราบน้ำนมที่อาจหมักหมมจนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปาก อาจใช้สำลี หรือผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดที่ลิ้นและเหงือกเบา ๆ หรือใช้ปลอกนิ้วยางในการทำความสะอาดเหงือก และยังเป็นการช่วยนวดเหงือกไปในตัวด้วย ฟันเพิ่งขึ้น เด็กที่มีอายุ 6 เดือนจนถึง 2 ปี เริ่มมีฟันน้ำนมงอกขึ้นมาแล้ว จึงอาจทำให้ลูกน้อยมีอาการเจ็บบริเวณเหงือกได้ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บ คันเหงือก ด้วยการหาของเล่นที่เป็นยางมาให้กัดเล่น ฟันผุต้องระวัง สำหรับเด็กที่มีฟันน้ำนมแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลภายในช่องปากของลูกและหมั่นแปรงฟันให้ลูกด้วย […]


การเติบโตและพัฒนาการ

วิธีการฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้ว

การฝึกให้ลูก ดื่มน้ำจากแก้ว เป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจและเอาใจใส่ เพื่อให้ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อเติบโตขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องคอยป้อนตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาวิธีการฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้วที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เหมาะสมกับวัย [embed-health-tool-vaccination-tool] วิธีการฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้ว ไม่ควรคาดหวัง แต่ต้องบอกเอาไว้ก่อนถือว่าเฉลี่ยแล้วสำหรับเด็กที่เริ่มดื่มน้ำจากแก้วก็จะสามารถดื่มได้คล่องตัวในช่วงอายุ 16-17 เดือน โดยส่วนใหญ่จะเริ่มฝึกตอนช่วง 6-12 เดือน ซึ่งจะอยู่ในช่วงที่เจ้าตัวเล็กกำลังจะเริ่มอย่านมจากเต้า หรือต้องหยุดการให้นมจากขวด ซึ่งก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พร้อมที่จะฝึก เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วการให้เจ้าตัวเล็กได้ดื่มนมจากขวดมากจนเกินไปมีความเสี่ยงทำให้ในอนาคตอันใกล้มีโอกาสที่จะฟันผุ เนื่องจากว่าแบคทีเรียและเชื้อโรคสามารถที่จะเติบโตได้ ดังนั้นแนะนำว่าให้เริ่มฝึกเจ้าตัวเล็กในการดื่มน้ำและนมจากแก้ว เลือกแก้วหัดดื่ม ถ้าหากว่าคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องการที่จะให้เจ้าตัวเล็กฝึกดื่มนมดูดน้ำจากแก้ว เรื่องของรูปแบบของตัวแก้วเองก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ แนะนำว่าให้เลือกรูปแบบแก้วที่ดึงดูดหรือน่าสนใจ แล้วไม่เพียงเท่านั้นรูปแบบแก้วควรที่จะอยู่ในความพิเศษคือใช้งานได้ง่ายเหมาะสำหรับเด็กช่วงวัยที่กำลัง ฝึกดื่มน้ำ บอกได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ต้องการที่จะฝึกให้เจ้าตัวเล็กนั้นได้ดื่มน้ำจากแก้วควรที่จะรู้ และแนะนำว่าทางที่ดีควรที่จะต้องมีการศึกษาในเรื่องของเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อที่จะช่วยฝึกซ่อมตัวเล็กให้ดื่มน้ำจากแก้วได้ง่ายมากยิ่งขึ้น


การเติบโตและพัฒนาการ

เตรียมความพร้อมให้เจ้าตัวเล็กก่อน ไปโรงเรียนอนุบาล ต้องทำอย่างไรบ้าง

โรงเรียนอนุบาล ถือว่าเป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับลูกน้อย เพราะจะต้องห่างจากคุณพ่อคุณแม่และไปใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับคุณครูและเพื่อนร่วมชั้นซึ่งในช่วงแรกนับว่าเป็นคนแปลกหน้า ดังนั้น ก่อนที่ลูกน้อยจะ ไปโรงเรียนอนุบาล คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อย เพื่อจะได้ใช้ชีวิตในโรงเรียนอนุบาลได้อย่างมีความสุข [embed-health-tool-vaccination-tool] การ ไปโรงเรียนอนุบาล สำคัญอย่างไร โรงเรียนอนุบาลคือจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้อย่างเป็นทางการของลูกน้อย ประสบการณ์ต่าง ๆ ในโรงเรียนอนุบาล อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและจิตใจของลูกน้อยมากกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คาดคิด เช่น ความเชื่อมั่นในตัวเอง การกล้าแสดงออก การมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง มารยาททางสังคม ความมีน้ำใจ การบูลลี่ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรทำเพื่อเตรียมความพร้อมของลูกก่อน ไปโรงเรียนอนุบาล ดังนี้ ฝึกกิจวัตรประจำวัน คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกน้อยทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันโดยมีตารางเวลาที่แน่นอนและชัดเจน เช่น เวลากิน เวลาเล่น เวลานอน นอกจากนี้ ควรฝึกเรื่องระเบียบวินัยโดยให้ลูกลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น ฝึกให้ตื่นนอนด้วยตัวเอง ฝึกให้เก็บที่นอนทุกเช้า ฝึกให้ล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง การฝึกให้เด็กใช้ชีวิตตามตารางเวลาที่แน่นอนจะช่วยให้เด็กรู้สึกคุ้นเคย และสามารถปรับตัวได้เร็วขึ้น เมื่อต้องใช้ชีวิตตามตารางเวลาของโรงเรียนอนุบาล เตรียมสิ่งของให้พร้อมก่อนไปโรงเรียน อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ของลูกให้พร้อม ทั้งดินสอ ดินสอสี ยางลบ ไม่บรรทัด และกระเป๋าสะพาย ควรเลือกให้เหมาะสมกับตัวเด็ก และเหมาะสมกับกฎข้อบังคับของโรงเรียนอนุบาลนั้น ๆ หากต้องการอาจให้ลูกนำอาหารไปโรงเรียนอนุบาล ควรตรวจสอบกับโรงเรียนก่อน แต่หากลูกเป็นโรคภูมิแพ้ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

การเรียนอนุบาล มีประโยชน์สำหรับลูกของคุณอย่างไรบ้าง

การส่งลูกเข้าเรียนอนุบาล อาจเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องปวดหัวอยู่ไม่น้อย สิ่งที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับการเข้าเรียนอนุบาลนั้นมีทั้งในเรื่องของการเลือกสถานที่เรียน และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่บางคน อาจจะต้องการให้ลูกเรียนแบบโฮมสคูลอยู่ที่บ้านไปจนกว่าจะถึงชั้นประถม แต่จริงๆ แล้ว การเรียนอนุบาล มีประโยชน์มากมายต่อพัฒนาการของลูกน้อย [embed-health-tool-vaccination-tool] ประโยชน์ของ การเรียนอนุบาล การเรียนอนุบาล ให้โอกาสในการเจริญเติบโต สำหรับเด็ก ๆ หลายคน การเรียนอนุบาลคือประสบการณ์แรก ที่เด็กจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การแบ่งปัน และการทำตามกฏเกณฑ์ระเบียบข้อบังคับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนรู้อื่น ๆ ที่จะช่วยให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ การเรียนอนุบาลช่วยฝึกการเข้าสังคม การเข้าสังคมเป็นอีกหนึ่งทักษะในการใช้ชีวิต ที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะกังวล เพราะกลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะเข้ากับกลุ่มเพื่อนไม่ได้ หรือในอนาคตอาจจะไม่มีเพื่อนเลย แต่การตัดสินใจส่งให้ลูกเรียนอนุบาล ก็เหมือนเป็นการฝึกพื้นฐานเบื้องต้นในการที่จะทำให้เจ้าตัวเล็กรู้จักเข้าสังคมได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะเขาได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่ใหญ่ขึ้น ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับแค่สมาชิกในครอบครัว หรือละแวกบ้านเหมือนที่เคย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ในการเข้าสังคมให้กับเจ้าตัวเล็กไปในตัว ลูกของคุณจะได้ฝึกตัดสินใจ การส่งลูกไปเรียนอนุบาลจะทำให้เด็กได้มีตัวเลือกในการทำกิจกรรมมากมาย คุณครูจะคอยกระตุ้นให้เด็กที่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกอะไรให้สามารถเลือกสิ่งที่สนใจได้ด้วยตัวเอง และให้คำแนะนำเด็กเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เตรียมความพร้อมในอนาคต การเรียนอนุบาลก็เหมือนเป็นการฝึกความรู้พื้นฐาน ก่อนที่จะพัฒนาไปเรียนตามระบบการศึกษาในปัจจุบัน ดังนั้น หากว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่พร้อมที่จะฝึกเรื่องพื้นฐานวิชาการให้กับเจ้าตัวเล็ก เราแนะนำว่าการส่งเข้าเรียนอนุบาลก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย เรียนรู้การดูแลตนเองและผู้อื่น เด็กจะได้พัฒนาความสามารถและเห็นคุณค่าในตนเอง หากเขาเรียนรู้ที่จะดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่น คุณครูจะช่วยสนับสนุนได้โดยการให้เด็กได้มีโอกาสทำงานที่จริงจัง เช่น การจัดโต๊ะ ดูแลห้อง จัดเวรทำความสะอาด การเก็บของเล่นหลังจากใช้เสร็จแล้ว รวมถึงการดูแลสุขอนามัย เช่น ล้างมือก่อนกินข้าว หรือแม้แต่การแต่งตั้งตำแหน่ง เช่น หัวหน้าห้อง ก็จะเป็นอีกวิธีที่จะให้เด็กได้ฝึกความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ของตนเอง และหน้าที่ต่อผู้อื่น ทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะดูแลตนเอง เสริมสร้างทักษะการคำนวณและการอ่านล่วงหน้า เด็กเล็กอาจจะเริ่มมีความสนใจทางด้านการคำนวณและการอ่านหนังสือ การเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ล่วงหน้าจะช่วยปูพื้นฐานให้เด็กสามารถเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อต้องเจอในชั้นเรียน […]


การเติบโตและพัฒนาการ

สอนลูกดื่มน้ำจากแก้ว ด้วยเทคนิคง่าย ๆ

สอนลูกดื่มน้ำจากแก้ว อาจเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ลูกควรจะต้องสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อเสริมให้ลูกมีทักษะช่วยเหลือตนเอง โดยการสอนลูกดื่มน้ำจากแก้ว คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องค่อย ๆ เปลี่ยนจากขวดนมมาเป็นแก้ว จากนั้นอาจจะทำเป็นตัวอย่างเพื่อให้ลูกทำตาม โดยการสอนอาจเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอาจต้องใช้ความใจเย็น ประโยชน์ของการดื่มน้ำ เด็กจำเป็นที่จะต้องดื่มน้ำให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย คุณพ่อคุณแม่อาจไม่จำเป็นต้องมีการวัดขนาดการดื่มน้ำ เพียงแค่คอยดูให้ลูกดื่มน้ำระหว่างวัน ระหว่างมื้ออาหาร และทุก ๆ ชั่วโมงอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกมีสุขภาพที่ดีและได้รับคุณประโยชน์ตามที่ร่างกายควรได้รับ สำหรับประโยชน์ของการดื่มน้ำอาจมีดังนี้ อาจช่วยคลายความร้อน เมื่ออากาศร้อนมากขึ้น ร่างกายก็จะสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อลูกต้องออกไปเล่นนอกบ้านกับเพื่อน บางครั้งลูกอาจเล่นจนเพลินและลืมที่ดื่มน้ำ ซึ่งอาจทำให้ลูกกระหายน้ำมากกว่าปกติ ดังนั้น การดื่มน้ำอาจช่วยให้ร่างกายเย็นสดชื่นขึ้นจากอากาศที่ร้อนได้ รวมถึงยังเป็นการทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปในระหว่างวันที่อากาศร้อนอีกด้วย อาจช่วยคุมแคลอรี่ หากลูกชอบดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม รวมถึงชอบกินขนมหวาน อาจทำให้ลูกมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องระวังไม่ให้ลูกดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป นอกจากนี้ อาจจะค่อยๆ  เปลี่ยนจากน้ำอัดลมมาเป็นน้ำเปล่า เนื่องจาก น้ำอาจช่วยควบคุมปริมาณแคลอรี่ได้ รวมถึงอาจช่วยทำให้ลูกอิ่มไวและอิ่มนานขึ้น อาจช่วยป้องกันความเสียหายของไต ไตทำหน้าที่ในการควบคุมของเหลวในร่างกาย ซึ่งหากมีน้ำไม่เพียงพอ หรือดื่มน้ำไม่พอต่อความจำเป็นของร่างกายก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคนิ่วในไตและปัญหาอื่น ๆ ได้ ดังนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพออาจช่วยลดการเกิดปัญหาดังกล่าวได้ ปริมาณน้ำที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย โดยทั่วไปแล้วผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้เด็กดื่มน้ำ ดังนี้ เด็กอายุ 1-3 ปี ควรดื่มน้ำ 2-4 ถ้วย เด็กอายุ 4-5 ปี ควรดื่มน้ำ 5 […]


การเติบโตและพัฒนาการ

รองเท้าเด็ก ควรเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับลูกน้อยวัยหัดเดิน

รองเท้าเด็ก สำหรับวัยเริ่มหัดเดินควรเป็นรองเท้าที่สวมใส่สบายและมีขนาดเหมาะสมกับขนาดของเท้าลูกน้อย เพราะการสวมรองเท้านับเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับลูกน้อย และส่งผลต่อการเคลื่อนไหวร่างกาย รองเท้าเด็กที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกน้อยยืน เดิน วิ่ง ได้อย่างปลอดภัย  คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตลักษณะรูปร่างของเท้าลูกน้อย หากพบว่ามีลักษณะผิดปกติ หรือลูกอายุ 2 ขวบแล้วยังไม่เดิน ควรไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อแก้ไขปัญหารูปร่างเท้าผิดปกติ รวมทั้งปัญหาด้านพัฒนาการ [embed-health-tool-vaccination-tool] เท้าของวัยเตาะแตะ เท้าของมนุษย์ประกอบด้วยกระดูก 26 ชิ้นและข้อต่อ 35 ข้อต่อ และเส้นเอ็นที่เท้า ซึ่งเท้าของเด็กจะห่มหุ้มด้วยไขมันและมีความยืดหยุ่นสูงมาก เด็กส่วนใหญ่ที่มีพัฒนาการปกติจะเริ่มเดินในช่วงวัย 8-18 เดือน และเดินได้คล่องในวัย 14-15 เดือน เด็กวัยเตาะแตะส่วนใหญ่จะมีเท้าแบน หรือเท้าโค้งเข้า ในช่วงที่เริ่มหัดเดิน เพราะว่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความแข็งของเส้นเอ็นกำลังพัฒนา และจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น คำแนะนำในการเลือกซื้อ รองเท้าเด็ก ถ้าจะเลือกซื้อรองเท้า สำหรับวัยเตาะแตะ พ่อแม่ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ สวมใส่สบาย ขนาดพอดีทั้งความกว้างและความยาว มีพื้นที่ตรงนิ้วเท้า ไม่คับแน่นจนเกินไป พื้นรองเท้ายืดหยุ่นและแบน ควรตรวจสอบว่าลูกสามารถงอเท้าได้มากน้อยแค่ไหน ปลายเท้ากว้างกว่าส้นเท้า เพื่อให้เข้ากับรูปเท้าตามธรรมชาติ ตรวจสอบเชือกรองเท้า สายรัด หรือเทปตีนตุ๊กแก ว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ และดูแผ่นรองเท้า เพื่อป้องกันการลื่นด้านในรองเท้า ก่อนซื้อรองเท้าควรให้ลูกลองเดินไปรอบๆ ว่าสวมใส่แล้วสะดวกสบายหรือเปล่า รองเท้าเด็ก เลือกแบบไหนดีกว่ากัน คุณพ่อคุณแม่อาจใช้ข้อมูลเหล่านี้ ประกอบการตัดสินใจ เวลาเลือกซื้อรองเท้าเด็ก […]


การเติบโตและพัฒนาการ

เลือกโรงเรียนอนุบาล ให้ลูก พ่อแม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง

เมื่อถึงเวลาที่ต้อง เลือกโรงเรียนอนุบาล คุณพ่อคุณแม่อาจกังวลใจว่าควรเลือกอย่างไร ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรมีข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนให้มากที่สุดเพื่อการตัดสินใจ เพราะการเลือกโรงเรียนอนุบาลนับเป็นก้าวสำคัญต่อเด็ก ครูและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนอนุบาลย่อมส่งผลต่อพัฒนาการ การเติบโต ทัศนคติ การหล่อหลอมให้เด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นมา หากทราบว่าปัจจัยในการเลือกโรงเรียนอนุบาลมีอะไรบ้าง อาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น [embed-health-tool-vaccination-tool] การ เลือกโรงเรียนอนุบาล ดูจากอะไรบ้าง เมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก อันดับแรกควรทราบข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียนที่สนใจโดยสามารถเข้าเว็บไซต์ของโรงเรียน เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนอนุบาล หรือจะโทรไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ไปเยี่ยมชมโรงเรียนเพื่อไปเห็นสถานที่จริง และคุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามข้อมูลเหล่านี้ให้ชัดเจน ได้แก่ แผนการเรียนการสอน ช่องทางการติดต่อสื่อสาร ค่าธรรมเนียม ค่าเทอม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รายชื่อบุคคลที่สามารถติดต่อได้ ในกรณีที่ข้อร้องเรียน หรือข้อสงสัยเกี่ยวกับโรงเรียน ความปลอดภัยในด้านร่างกายและทรัพย์สินของเด็กนักเรียนมีมากน้อยแค่ไหน จำนวนบุคลากรเพียงพอต่อจำนวนนักเรียนหรือไม่ โรงเรียนมีความสะอาดดีพอได้มาตรฐานหรือไม่ สถานที่ บรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปเหมาะสมกับเด็กหรือไม่ คำถามที่ควรถามเวลาที่ต้อง เลือกโรงเรียนอนุบาล มีคำถามมากมายที่ควรตอบให้ได้ ก่อนที่จะเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก โดยแบ่งคำถามออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้ 1. ประเภทของโรงเรียน โรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนรัฐบาล แล้วแต่ละโรงเรียนมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบหรือเปล่า รวมถึงมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึงอีกไหม เช่น ค่าใช้จ่ายในแต่ละเทอม โรงเรียนเดียวกับที่พ่อแม่เคยเรียน หรือโรงเรียนอื่น เป็นโรงเรียนประจำ หรือเป็นโรงเรียนที่เกี่ยวกับทางศาสนาหรือเปล่า จะให้เรียนแบบโฮมสคูล หรือเรียนที่โรงเรียน 2. ความสะดวกในการไปโรงเรียน […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ฝึกให้ลูกใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ทำได้อย่างไรบ้าง

การฝึกให้ลูกเริ่มทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองนั้น เป็นการเสริมทักษะและพัฒนาการของลูกได้เป็นอย่างดี โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะเริ่มจากการ ฝึกให้ลูกใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นกิจกรรมง่าย ๆ จากนั้นจึงเริ่มเปลี่ยนให้ลูกได้ทำสิ่งอื่นด้วยตัวเองต่อไป แต่การที่จะฝึกให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ด้วยตัวเองนั้นอาจต้องค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังอาจต้องคอยให้ความช่วยเหลือจนกว่าลูกจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว 4 ข้อควรรู้ในการ ฝึกให้ลูกใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเอง การฝึกให้ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองด้วยกิจวัตรประจำวันแบบง่าย ๆ นับว่าเป็นการเริ่มต้นพัฒนาทักษะอันจำเป็นต่อการเติบโตของเด็กได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ยังอาจมีสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้เกี่ยวกับการฝึกให้ลูกใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเอง ดังนี้ เข้าใจลูก ลุกก็เหมือนกับคุณพ่อคุณแม่ที่มักมีสไตล์การแต่งตัวเป็นของตัวเอง ดังนั้น ควรเลือกเสื้อผ้าให้ลูกด้วยการถามความสมัครใจ หรือความชอบในการใส่เสื้อผ้าของลูกแทนที่จะเลือกตามความชอบของคุณพ่อคุณแม่เอง โดยอาจจะถามลูกว่า ต้องการใส่เสื้อผ้าแบบไหน อยากใส่ชุดสีอะไร ให้พวกเขาได้ตัดสินใจและเลือกสไตล์ของตัวเอง ซึ่งอาจช่วยเพิ่มความมั่นใจในกับลูกอีกทางหนึ่ง สร้างมาตรฐาน การให้ลูกได้แต่งกายตามสไตล์ของตัวเองเป็นเรื่องที่ดี แต่ในบางครั้ง ลูกอาจมีความต้องการสวมเสื้อผ้าที่ผิดกฎระเบียบของโรงเรียน หรือมีการแต่งตัวที่ไม่เหมาะสมกับสถานที่ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องการอธิบายให้ลูกเข้าใจในเรื่องของกาลเทศะ หรืออาจแก้ปัญหาด้วยการแยกชุดไว้ว่า ชุดนี้สำหรับแต่งตัวไปเล่น ชุดนี้สำหรับไปโรงเรียน เคารพความเป็นส่วนตัว คุณพ่อคุณแม่อาจไม่ได้เข้าใจในสไตล์การแต่งตัวของลูก ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจว่า ลูกไม่ได้สนใจเกี่ยวกับภาพลักษณ์ในการแต่งตัวมากเท่ากับว่า เสื้อผ้าชุดนั้นสวมใส่สบายหรือไม่ ลูกอาจเพียงแค่ต้องการสวมใส่ชุดที่สบายและสะดวกกับการใช้ชีวิตมากกว่าการใส่เสื้อผ้าที่ช่วยให้ดูดีในสายตาของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็ก ในบางครั้ง ลูกอาจมีการผสมผสานเสื้อผ้าแบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งอาจดูแปลกตาและไม่ค่อยถูกใจคุณพ่อคุณแม่สักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรห้ามหรือดุด่าพวกเขา ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขา เพียงแค่คอยให้คำแนะนำถึงกาลเทศะว่า แต่ละชุดนั้นสามารถแต่งไปที่ไหนได้บ้าง และไม่ควรแต่งไปในสถานที่แบบใด วิธีฝึกให้ลูกใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเอง เริ่มจากกางเกงยางยืด […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ลูกน้อยวัย 15 เดือน การเจริญเติบโต พัฒนาการ และวิธีดูแลที่ควรรู้

ลูกน้อยวัย 15 เดือน หรือประมาณ 1 ขวบนิด ๆ เป็นช่วงวัยที่อาจเริ่มมีพัฒนาการด้านการเดินแล้ว อีกทั้งพัฒนาการด้านการพูดก็อาจเพิ่มขึ้นจนทำให้สามารถพูดได้บ้างเล็กน้อยเช่นกัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาวิธีการดูแลลูกที่เหมาะสม รวมถึงคอยสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณของพัฒนาการล่าช้า เช่น ไม่ยอมพูด ไม่ยอมเดิน ไม่สบตา และควรพาลูกเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาในทันที การเจริญเติบโตและพฤติกรรมของ ลูกน้อยวัย 15 เดือน ลูกน้อยควรจะต้องทำอะไรได้บ้าง ขณะนี้ลูกน้อยมีอายุได้ 15 เดือนแล้ว เมื่อมาถึงตอนนี้เขาน่าจะเริ่มหัดเดินแล้ว จัดสถานที่ให้เขาใช้เป็นที่หัดเดินซะ ถ้าเขาหกล้มก็ไม่ต้องเป็นกังวล นี่เป็นวิธีที่เขาเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม คุณพ่อคุณแม่อาจช่วยลูกดันกล่อง หรือดันรถเข็นเด็ก ซึ่งจะทำให้ลูกได้พัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวได้ ลูกน้อยอาจเริ่มอยากเป็นอิสระมากขึ้น โดยอาจต้องการนั่งกินอาหารค่ำแทนที่จะนั่งบนเก้าอี้เด็ก นอกจากนี้ ลูกอาจชอบดิ้นบ่อยและรุนแรง โดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนผ้าอ้อม และแปรงฟัน สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำก็คือควรทำใจเย็นๆ เข้าไว้ และพยายามเรียบเรียงคำพูดใหม่ในการออกคำสั่ง ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “ไปแปรงฟันซะ!” อาจบอกว่า “ไปทำอะไรสนุกๆ กันดีกว่า” หรือ “ไปแปรงฟันด้วยกันนะ” พัฒนาการโดยทั่วไปของ ลูกน้อยวัย 15 เดือน มีดังนี้ พูดได้อย่างน้อยสามคำ เข้าใจคำสั่งง่าย ๆ (“ไม่” หรือ “ส่งมาให้แม่นะจ๊ะ”) […]


การเติบโตและพัฒนาการ

พัฒนาการเด็ก 22 เดือน

การติดตามพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัยอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการด้านร่างกาย จิตใจ ระบบประสาทและสมอง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจ สำหรับ พัฒนาการเด็ก 22 เดือน หรือประมาณ 2 ขวบ ซึ่งถือเป็นวัยเตาะแตะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง เช่น เริ่มพูดได้มากขึ้น เดินและวิ่งได้คล่องขึ้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตพัฒนาการต่าง ๆ ให้ดี หากมีปัญหา หรือสังเกตได้ว่าลูกอาจมีพัฒนาการล่าช้า จะได้สามารถหาวิธีรับมือได้อย่างทันท่วงที พัฒนาการเด็ก 22 เดือน พัฒนาการเด็ก 22 เดือนที่อาจพบได้ เช่น การแสดงอารมณ์ความรู้สึก เด็กอายุ 22 เดือน อาจอยากผลักของเล่นที่มีล้อ ให้เคลื่อนไปตามทางเดิน และอาจมีความคิดเห็นมากมายในสิ่งที่อยากทำ หากคุณพ่อคุณแม่แสดงความคิดเห็นที่ต่างออกไป อาจพบปฏิกิริยาตอบสนองที่เปลี่ยนไปในทันที เช่น การขัดขืน การไม่ยอมทำในสิ่งที่แนะนำ เด็กในวัยนี้จะค่อนข้างเจ้าอารมณ์ อาจแสดงอาการหงุดหงิดเวลาไม่ได้ดั่งใจ หรือแสดงอาการดีใจเวลาได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองของเด็กวัย 22 เดือน การสนใจในเรื่องต่าง ๆ เด็กวัย 22 เดือนส่วนใหญ่จะสนใจอะไรแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น และมักจะถูกเบี่ยงเบนความสนใจได้ง่าย นั่นอาจทำให้เด็กสนใจเรียนรู้อะไรในแต่ละครั้งได้ไม่นานนัก หากเห็นว่าลูกไม่สนใจกิจกรรมที่ทำอยู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรบังคับให้เด็กทำกิจกรรมนั้น ๆ ต่อ […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม