การเติบโตและพัฒนาการ

ในช่วงวัยเตาะแตะ ลูกของคุณจะมีส่วนสูงและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีความอยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัยมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ การเติบโตและพัฒนาการ มาเรียนรู้วิธีสนับสนุนพวกเขาให้ดีที่สุด ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การเติบโตและพัฒนาการ

แป้งโดว์ มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร และวิธีทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง

แป้งโดว์ เป็นของเล่นที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เด็กสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการปั้นแป้งโดว์เป็นรูปร่างต่าง ๆ ตามต้องการ ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างจินตนาการและการเรียนรู้ของเด็ก เช่น ช่วยเสริมพัฒนาการด้านการใช้ภาษาและสื่อสาร เมื่อเด็กเล่นแป้งโดว์พร้อมเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว ที่สำคัญการปั้นแป้งโดว์ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กบริเวณมือและนิ้วของเด็กได้เป็นอย่างดีอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่สามารถหาซื้อแป้งโดว์สำเร็จรูป หรือทำแป้งโดว์จากส่วนผสมที่หาได้ง่าย ๆ ภายในบ้าน แป้งโดว์ทำเองนั้นปลอดสารเคมี คุณพ่อคุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แป้งโดว์ คืออะไร แป้งโดว์เป็นก้อนแป้งเนื้อนิ่ม ยืดหยุ่นได้ และมีสีสันสดใส สามารถใช้ปั้นเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้คล้ายดินน้ำมัน แต่ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อเด็ก จึงเป็นของเล่นที่ให้ทั้งความเพลิดเพลินและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างปลอดภัย เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มหยุดหยิบสิ่งของเข้าปาก วิธีการทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง วิธีการทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง อาจมีดังนี้ ส่วนผสมของแป้งโดว์ แป้งสาลีหรือแป้งข้าวโพด 2 ถ้วยตวง ครีมออฟทาร์ทาร์ (Cream of tartar) 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ถ้วยตวง สีผสมอาหาร น้ำ 2 ถ้วยตวง ถาดหรือเขียง กระทะเทฟล่อนหรือกระทะเคลือบ ขั้นตอนการทำ แป้งโดว์ ใส่แป้งสาลี เกลือ ครีมออฟทาร์ทาร์ และน้ำมันพืชลงในภาชนะที่เตรียมไว้ […]

สำรวจ การเติบโตและพัฒนาการ

การเติบโตและพัฒนาการ

การละเล่น แบบไหน ถึงจะเหมาะสมสำหรับวัยเด็ก

การละเล่น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความสนุกสนานสำหรับเด็กเท่านั้น แต่ การเล่นสำหรับเด็ก ยังเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการเจริญเติบโตของเด็กและพัฒนาการด้านต่างๆ ซึ่งการเล่นที่เหมาะสมกับวัยแต่ละช่วงอายุของเด็ก จะช่วยในการพัฒนาทักษะของเด็กในหลายๆด้าน และนี่คือรายละเอียดที่พ่อแม่ควรรู้เกี่ยวกับ การละเล่น สำหรับวัยเด็ก [embed-health-tool-vaccination-tool] การละเล่น สำคัญอย่างไร การเล่นเป็นกิจกรรมที่คู่กับเด็กทุกคน เพราะลักษณะนิสัยของเด็กส่วนใหญ่จะสนใจสิ่งรอบข้าง อยากรู้อยากเห็น และอยากเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบข้างตลอดเวลา การเล่นจึงช่วยพัฒนาทักษะของเด็กในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมจินตนาการ ความคิด การเคลื่อนไหวร่างกาย ความคล่องแคล่ว และสติปัญญาในการแก้ปัญหา หรือแม้กระทั่งการฝึกเรื่องทักษะทางด้านอารมณ์ เช่น การเล่นบางชนิดสามารถฝึกเรื่องความอดทนได้อีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้การเล่นของเด็ก ช่วยในการพัฒนาเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พ่อแม่ก็ควรเลือกวิธีการเล่นหรือของเล่น ให้เหมาะสมกับอายุของลูกด้วย เพราะจะสามารถช่วยพัฒนาการเจริญเติบโตทั้งทางด้านร่างกายและทักษะอื่นๆ ไปพร้อมกัน การละเล่น ที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงอายุ อายุ 1-3 เดือน เด็กวัยนี้เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายได้ เช่น การเคลื่อนไหวของแขนและขา สองข้างเริ่มเคลื่อนไหวได้เท่ากัน เริ่มจ้องมอง และเคลื่อนสายตาตามวัตถุนั้นๆ เริ่มคว้าสิ่งของต่างๆ ซึ่งอาจจะคว้าได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะการประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อตาและมือยังไม่สมบูรณ์ดี ดังนั้น เด็กในช่วงอายุ 1- 3 เดือน จึงเหมาะกับของเล่นจำพวก โมบายหมุนได้สีสันสดใส เพื่อพัฒนาสายตาและการมองเห็น นอกจากนี้พ่อแม่ควรอุ้ม สัมผัสและพูดคุย เพราะเป็นการพัฒนาการตอบสนองไปในตัว เนื่องจากเด็กวัยนี้จะเริ่มตอบสนองต่อสิ่งที่เห็นและได้ยิน อายุ 4-5 เดือน เด็กวัยนี้เริ่มจำวัตถุและบุคคลใกล้ชิดได้ คอแข็ง พลิกตัวหมุนตัวได้ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

เด็กถูกเพื่อนล้อว่าอ้วน คุณพ่อคุณแม่ช่วยได้อย่างไรบ้าง

เด็กถูกเพื่อนล้อว่าอ้วน เป็นหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อย ที่อาจเริ่มต้นตั้งแต่ในชั้นวัยอนุบาล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็กเป็นอย่างมาก ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ เกิดความเครียด ทำให้เด็กไม่มีความสุข รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายเนื่องจากปัญหาความเครียดสะสมได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรหาวิธีการรับมือเมื่อเด็กถูกเพื่อนล้อ รวมถึงหาทางแก้ไขปัญหาโรคอ้วนในเด็ก เพื่อสุขภาพของเด็กที่ดีขึ้น [embed-health-tool-vaccination-tool] เด็กถูกเพื่อนล้อว่าอ้วน คุณพ่อคุณแม่รับมืออย่างไรดี คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือกับกรณีที่ลูกโดนล้อเรื่องน้ำหนักตัวได้ ดังนี้ สนับสนุนให้ลูกบอกผู้ใหญ่ เช่น บอกคุณครูที่โรงเรียน สอนให้ลูกตั้งสติ เดินหนี และไม่โต้ตอบกับการโดนล้อเลียน อย่าลืมดูคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์ของลูก เนื่องจากการโดนล้อเรื่องรูปร่างผ่านโซเชียลมีเดีย สามารถสร้างความเจ็บปวดให้เด็กๆ ได้เช่นกัน ผู้ปกครองควรใส่ใจการกลั่นแกล้งทางโซเชียลมีเดีย (Cyber-bullying) ด้วย ให้ลูกเข้าร่วมกิจกรรมนอกโรงเรียน เพื่อให้มีกลุ่มเพื่อนกลุ่มอื่นนอกจากเพื่อนในโรงเรียน ใช้เวลาอยู่กับลูกให้มาก เช่น ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งครอบครัวในวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นผู้ฟังที่ดี โดยเวลาที่เด็กอยากเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง ผู้ปกครองควรหยุดฟังอย่างตั้งใจ โดยไม่แสดงความคิดเห็นจนกระทั่งเขาเล่าเรื่องทั้งหมดจนจบ และควรสบตากับเด็กขณะที่เขากำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น อย่าล้อเลียนเพื่อหวังให้เด็กลดน้ำหนัก ถ้าเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวล้อเลียนหรือแกล้งเด็กที่มีน้ำหนักเกิน เพื่อหวังให้เด็กๆ เปลี่ยนแปลงตัวเอง ถือเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากการล้อเลียนหรือกลั่นแกล้ง ไม่สามารถช่วยให้เด็กลดความอ้วนได้ ชวนลูกทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว ในกรณีที่ลูกเริ่มไม่เข้าสังคม และอยู่คนเดียวบ่อยๆ ผู้ปกครองอาจช่วยให้เขาเข้าสังคมมากขึ้น ด้วยการพาลูกไปทำกิจกรรมกับครอบครัวในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน นอกจากนี้ยังอาจใช้วิธีการพูดคุยกับลูก โดยคุณพ่อคุณแม่ควรอธิบายให้เด็กฟังว่า การกลั่นแกล้ง ล้อเลียน และการรังแกถือเป็นเรื่องไม่ดี และอาจถามความคิดเห็นของลูก […]


การเติบโตและพัฒนาการ

สไตล์การเรียนรู้ คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อเด็ก ๆ

เด็กแต่ละคนจะมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไป คุณพ่อคุณแม่ สไตล์การเรียนรู้ (Learning Style) หรือรูปแบบการเรียนรู้ของเด็ก ๆ เพราะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการด้านการศึกษาของเด็กได้ และในบางกรณีอาจมีส่วนช่วยแก้ไขภาวะบกพร่องด้านต่าง ๆ เช่น ภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disabilities หรือ LD)  โรคสมาธิสั้น (Attention deficit hyperactivity disorder หรือ ADHD) [embed-health-tool-vaccination-tool] สไตล์การเรียนรู้ คืออะไร รูปแบบการเรียนรู้แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ การฟัง (Auditory) การเคลื่อนไหวร่างกาย (Kinesthetic) การสัมผัส (Tactual) และการมองเห็น (Visual) คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มประเมินรูปแบบการเรียนรู้ของเด็ก เมื่ออายุ 6-7 ปี และรูปแบบการเรียนรู้จะเริ่มตกผลึกจริง ๆ เมื่อเข้าสู่การเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น นอกจากนี้ วิธีการสอนวิธีเดียวอาจไม่ได้ผลสำหรับเด็กทุกคน หรือแม้แต่กับเด็กส่วนใหญ่ ความตระหนักของผู้สอนเกี่ยวกับสไตล์การเรียนรู้ที่หลากหลาย และความพยายามที่จะปรับเรียนการสอนให้เข้ากับสไตล์การเรียนรู้ของเด็ก ๆ  อาจช่วยในการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ที่มีประสิทธิภาพสำหรับเด็กทุกคนได้ดีกว่า นอกจากนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตสไตล์การเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้ ดังต่อไปนี้ สไตล์การเรียนรู้ 4 […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไร

ลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง มักเป็นปัญหาที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวล ทั้งที่จริงแล้ว ช่วงวัยเด็ก โดยเฉพาะวัย 3-5 ขวบเป็นช่วงที่ลูกกำลังเรียนรู้ที่จะเริ่มสร้างความท้าทาย คุณพ่อคุณแม่ควรใช้ช่วงเวลานี้ทำความเข้าใจและสร้างความไว้ใจให้ลูก หาวิธีรับมือลูกดื้อโดยที่ไม่จำเป็นต้องดุหรือลงโทษ [embed-health-tool-vaccination-tool] สาเหตุที่ทำให้ ลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง การที่เด็กดื้อถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถือเป็นหนึ่งในพัฒนาการด้านอารมณ์ ความคิด นอกจากนั้น ในบางสถานการณ์อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ เด็กกำลังจดจ่ออยู่กับบางสิ่ง หากเด็กทำกิจกรรมบางอย่างอยู่ เช่น อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ หรือทำการบ้าน เด็กๆ อาจไม่ได้ยินสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พูด และไม่ทำตามที่คุณพ่อคุณแม่บอก ให้มองในแง่ดีว่าเด็กกำลังมีสมาธิกับสิ่งที่ทำอยู่ อย่างไรก็ตาม ถ้าเริ่มรู้สึกว่าลูกไม่เชื่อฟัง อาจแก้ปัญหาได้ด้วยการสนทนากันอย่างตรงไปตรงมา แสดงความต้องการ พูดสบตากับลูก ก็จะทำให้ลูกละจากกิจกรรมที่ทำอยู่ได้ ระวังน้ำเสียงและคำพูด การคิดก่อนพูดยังคงเป็นสิ่งสำคัญเสมอ โดยคุณพ่อคุณแม่ควรระวังน้ำเสียง และประโยคที่ใช้พูดกับลูก เนื่องจากการตะโกน หรือใช้อารมณ์อาจไม่เป็นผลดี และอาจทำให้ลูกมีพฤติกรรมไม่เชื่อฟังมากกว่าเดิม พูดหลายประเด็นเกินไป เด็ก ๆ อาจไม่สามารถจำรายละเอียดได้ทั้งหมด ดังนั้น เวลาที่ผู้ปกครองต้องการให้เด็กทำอะไรบางอย่าง ควรพูดในประเด็นที่สำคัญประมาณ 1-2 ประเด็น หากเด็ก ๆ ไม่ทำตามเนื่องจากอาจเก็บข้อมูลไม่ได้ทั้งหมด จึงดูเหมือนเป็นการไม่เชื่อฟัง และอาจทำโทษลูกโดยที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงถูกทำโทษ เด็ก ๆ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ความเครียดในเด็ก สัญญาณที่พ่อแม่ควรสังเกต

ความเครียดในเด็ก อาจมีสาเหตุมาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ภาระงานที่โรงเรียน เพื่อน การย้ายโรงเรียน ปัญหาครอบครัว ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็กไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับ คำพูด อารมณ์ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเด็กกำลังอยู่ในภาวะเครียดได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] สาเหตุของ ความเครียดในเด็ก ความเครียดในเด็ก อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้ ความเจ็บป่วยทางร่างกาย กังวลเรื่องผลการเรียน หรือภาระงาน หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เช่น การเป็นนักกีฬาของโรงเรียน มีปัญหากับเพื่อน ลูกอาจโดนเพื่อนรังแกที่โรงเรียน การต้องย้ายโรงเรียน หรือย้ายบ้าน มีความคิดลบ ๆ เกี่ยวกับตัวเอง การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายทั้งในเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง เช่น การมีหน้าอก เสียงแตกหนุ่ม ปัญหาครอบครัว เช่น คุณพ่อคุณแม่หย่าร้าง เกิดการทำร้ายร่างกาย ปัญหาการเงินในครอบครัว สภาพสังคม หรือกลุ่มเพื่อนที่อันตราย สัญญาณเตือนอาการเครียดในเด็ก สำหรับสัญญาณเตือนที่คุณพ่อคุณแม่อาจใช้เพื่อสังเกตอาการเครียดในเด็ก อาจมีดังนี้ 1. อาจไม่สบายบ่อย ความเครียดอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย ถ้าเด็กเข้าห้องพยาบาลบ่อย หรือมักจะบ่นว่าปวดหัว ปวดท้อง ยิ่งถ้าป่วยบ่อย ๆ ในช่วงสอบ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเด็กกำลังมีภาวะเครียด และอาจส่งผลให้มีปัญหาสุขภาพหรือตกอยู่ในภาวต่าง […]


การเติบโตและพัฒนาการ

การเลี้ยงลูกสองภาษา กับความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น

การเลี้ยงลูกสองภาษา อาจเป็นวิธีที่คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูก เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ทั้งภาษาไทยและภาษาที่ 2 อย่างภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่การเรียนรู้ภาษาที่ 3 ไปพร้อมกัน แต่คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจยังมีความกังวลและอาจเข้าใจผิดในบางเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกสองภาษา ไม่ว่าจะเป็นกลัวลูกสับสน อาจทำให้ลูกพูดช้า เป็นต้น ดังนั้น การเข้าใจถึงการเลี้ยงลูกสองภาษาที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกสองภาษา ความเข้าใจผิดที่ 1 : อาจทำให้เกิดความสับสน คุณพ่อคุณแม่บางคนคิดว่าถ้าเลี้ยงลูกสองภาษาในเวลาเดียวกัน อาจทำให้ลูกสับสนและไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างภาษาทั้ง 2 ได้ อย่างไรก็ตาม ลูกอาจแยกแยะความแตกต่างระหว่างภาษาต่างกันอย่างชัดเจนได้ตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่สำหรับภาษาที่คล้ายกัน เช่น ภาษาอังกฤษกับภาษาดัตช์ อาจทำให้มีปัญหาในการบอกความแตกต่างระหว่าง 2 ภาษา เนื่องจากเป็นภาษาที่คล้ายกัน แต่เมื่อลูกอายุครบ 6 เดือนอาจจะแยกความแตกต่างของภาษาที่คล้ายกันได้ ความเข้าใจผิดที่ 2 : อาจทำให้ลูกพูดได้ช้า การเลี้ยงลูกสองภาษาอาจใช้เวลานานกว่านิดหน่อยก่อนจะเริ่มพูด เมื่อเทียบกับการเลี้ยงดูด้วยภาษาเดียว อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าในการพูดนั้นเป็นเรื่องชั่วคราว เนื่องจาก การเลี้ยงลูกสองภาษาไม่ได้เป็นสาเหตุให้ลูกพูดหรือรู้ภาษาได้ล่าช้ากว่าการเลี้ยงลูกด้วยภาษาเดียว ความเข้าใจผิดที่ 3 : อาจทำให้ลูกใช้ภาษาปนกัน การเลี้ยงลูกสองภาษาอาจทำให้ใช้ภาษาปนกัน เนื่องจากการรู้คำศัพท์ในภาษาที่ 2 น้อยกว่าภาษาแรก อาจทำให้เด็กนำคำศัพท์จากภาษาที่ตนเองถนัดกว่ามาปนกับภาษาที่ 2 อย่างไรก็ตาม การใช้ภาษาปนกันเป็นเรื่องชั่วคราว เมื่อลูกรู้คำศัพท์ทั้ง 2 ภาษามากขึ้นก็จะไม่พูดปนกัน นอกจากนี้ ผู้ที่เรียนสองภาษาไม่ว่าจะวัยไหนก็อาจมีการใช้ภาษาปนกัน […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ลำดับการเกิด ส่งผลต่อบุคลิกภาพของคนเราได้อย่างไร

จากผลการศึกษาวิจัย ลำดับการเกิดของเด็กมีความสำคัญพอๆกับเพศ ในการกำหนดบุคลิกภาพของเด็ก เป็นไปได้ว่าเนื่องจากลำดับการเกิดที่แตกต่างกัน ทำให้วิธีที่พ่อแม่เลี้ยงดูลูกมีความแตกต่างกันตามไปด้วย อีกทั้งบทบาทและหน้าที่ของเด็ก ก็มักจะแตกต่างกันออกไป ตามลำดับการเกิดของแต่ละคนอีกด้วย ลำดับการเกิด + การเลี้ยงดู = พฤติกรรม การเป็นลูกคนแรกนั้นมักเป็นเสมือน “การทดลอง” สำหรับคู่สามีภรรยา ซึ่งครึ่งหนึ่งจะเป็นการทำหน้าที่ตามสัญชาตญาณ และอีกครึ่งหนึ่ง จะเป็นการลองผิดลองถูก พ่อแม่มือใหม่จะปฏิบัติตามคำแนะนำจากหนังสือและญาติพี่น้อง โดยพวกเขาจะระมัดระวังลูกที่เกิดใหม่มาก อาจมีการถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียในทุกการเคลื่อนไหว แล้วยังเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยใส่ใจกับทุกๆ รายละเอียด ดังนั้น เด็กที่เป็นลูกคนแรกจำนวนมาก จึงอาจกลายเป็นผู้นิยมความสมบูรณ์แบบ และต้องการประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่พอถึงลูกคนที่สอง คู่สามีภรรยาได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกมาแล้ว และมักจะมีกฎระเบียบสำหรับลูกคนที่สองน้อยลง นอกจากนี้ พวกเขายังจะให้ความใส่ใจกับลูกคนที่สองน้อยกว่า เนื่องจากมีลูกที่ต้องดูแลถึงสองคน ซึ่งอาจทำให้ลูกคนที่สองต้องเป็นคนที่ชอบเอาใจคนอื่นมากกว่า เพื่อที่จะได้รับความรักและสนใจจากผู้อื่น และเพราะพวกเขายังชอบเปรียบเทียบตัวเองกับลูกคนโต จึงต้องการที่จะทำให้ได้ดีกว่าอีกด้วย โดยสรุปแล้ว อาจเป็นวิธีที่พ่อแม่เลี้ยงดูและสั่งสอนลูกนั่นเอง ที่หล่อหลอมให้เกิดตัวตนของเด็กแต่ละคน ไม่ใช่เพียงแต่ลำดับการเกิดเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี เด็กจำนวนมากที่มีลำดับการเกิดเดียวกัน มักจะมีลักษณะนิสัยแบบเดียวกัน ลูกคนแรก: ผู้ประสบความสำเร็จ ลูกที่อายุมากที่สุด มักมีลักษณะร่วมที่คล้ายคลึงกับผู้ที่เป็นลูกคนโตคนอื่นๆ มากกว่าจะเหมือนกับพี่น้องของตนเอง เนื่องจากได้รับความเอาใจใส่มากกว่า และก็ถูกควบคุมมากกว่าด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นๆในครอบครัว จึงมีความรับผิดชอบ(ที่บางทีก็มากเกินไป)มีความประพฤติดีและไว้วางใจได้มากกว่า แม้กระทั่งบางคนอาจกล่าวว่าพวกเขาเป็นเหมือนพ่อแม่ของพวกเขาที่อยู่ในเวอร์ชั่นเด็กนั่นเอง ลูกคนกลาง: ผู้ไกล่เกลี่ย หากคุณเป็นลูกคนกลาง คุณมักเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจและมีความยืดหยุ่น ด้วยลักษณะเช่นนี้ทำให้คุณเข้ากับผู้อื่นได้ดีกว่า แต่คุณก็เป็นคนที่ชอบแข่งขัน […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ฉี่รดที่นอน ในเด็ก สาเหตุและวิธีแก้ปัญหา

ฉี่รดที่นอน อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การฉี่รดที่นอนในเด็กเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโต แต่หากไม่เลิกฉี่รดที่นอนอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลใจ สาเหตุฉี่รดที่นอนอาจเกิดจากกรรมพันธ์ุ และปัจจัยอื่นประกอบด้วย จำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจเพื่อรับมือกับปัญหานี้ ฉี่รดที่นอน เกิดจากอะไร โดยปกติแล้ว เด็กสามารถควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้เองตามธรรมชาติเมื่อโตขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องอายุ กรรมพันธ์ สภาพแวดล้อม เด็กผู้ชายอาจฉี่รดที่นอนในบางคืนมากกว่าเด็กผู้หญิงถึง 2 เท่า แต่หลังจากอายุ 5 ขวบเป็นต้นไป ประมาณร้อยละ 15 ของเด็กยังคงฉี่รดที่นอน และเมื่ออายุ 10 ขวบ ประมาณร้อยละ 95 มักเลิกฉี่รดที่นอน ฉี่รดที่นอน มักสร้างปัญหาให้ทุกคนในครอบครัว ไม่เพียงแต่ต้องทำความสะอาดที่นอนบ่อย ๆ แต่ยังอาจสร้างความกังวลใจให้พ่อแม่และเด็กด้วย ทั้งที่จริงแล้ว การฉี่รดที่นอนเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโต ควรทำความเข้าใจถึงสาเหตุของการฉี่รดที่นอน สาเหตุที่ทำให้เด็กฉี่รดที่นอน สาเหตุของการฉี่รดที่นอนอาจเกิดได้จากกรรมพันธ์ุ โดยเด็ก 3 ใน 4 คนมักมีคุณพ่อคุณแม่หรือญาติใกล้ชิดที่ฉี่รดที่นอนเหมือนกันในวัยเด็ก โดยนักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เกิดจากยีนบางตัวที่ทำให้ความสามารถในการควบคุมกระเพาะปัสสาวะล่าช้าออกไป นอกเหนือจากกรรมพันธุ์แล้ว อาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วยที่ทำให้เด็กฉี่รดที่นอน ได้แก่ มีปัสสาวะมากกว่าที่กระเพาะปัสสาวะจะรับได้ กระเพาะปัสสาวะมีปัญหา บีบตัวไวเกินไป ทำให้ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ นอนหลับลึก เด็กจึงไม่รับรู้สัญญาณที่ร่างกายบอกว่า กระเพาะปัสสาวะเต็ม หรือถึงเวลาต้องไปปัสสาวะ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

พ่อแม่เข้มงวด ส่งผลต่อลูกอย่างไรบ้าง

เด็กๆ มักจะบ่น หรือไม่พอใจเวลาที่ พ่อแม่เข้มงวด แต่ความจริงแล้ว การมีพ่อแม่เข้มงวด อาจนำมาสู่ข้อได้เปรียบหลายประการ เนื่องจากผู้ปกครองที่เข้มงวด มักจะกำหนดมาตรฐานในการเลี้ยงดูลูกเอาไว้สูง ผู้ปกครองกลุ่มนี้มักจะรู้ว่าจะผลักดันหรือช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้อย่างไรบ้าง เด็กๆ อาจจะมองว่าพ่อแม่เข้มงวดมากเกินไป แต่ทุกการกระทำล้วนมีผลตามมา ความเข้มงวดต่อเด็กในเรื่องต่างๆ จะสามารถช่วยพวกให้เด็กได้พัฒนาตัวเอง และส่งผลดีเมื่อพวกเขาโตขึ้น ผลดีจากการมี พ่อแม่เข้มงวด 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา หลายๆ คนมักจะพบว่า บ้านไหนที่พ่อแม่เข้มงวด ลูกบ้านนั้นมักจะเป็นแบบอย่างของการเป็นลูกที่ดี เพราะเด็กเหล่านี้มักจะเชื่อฟังผู้อื่น ทั้งพ่อแม่ที่บ้าน และคุณครูที่โรงเรียน แถมส่วนใหญ่ยังมีผลการเรียนที่ดี มักจะประสบความสำเร็จในเรื่องการเรียน เพราะรู้จักแสวงหาความรู้ในเรื่องอื่นๆ อยู่เสมอ โดยความคิดนี้เกิดขึ้นเพราะเด็กที่มีพ่อแม่เข้มงวดมักอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คอยผลักดันให้ต้องทำเรื่องต่างๆ ได้สำเร็จตามมาตรฐานที่พ่อแม่ตั้งเอาไว้สูง นอกจากรู้จักแสวงหาความรู้แล้ว เด็กเหล่านี้ยังได้ฝึกวินัยในตัวเองตั้งแต่เด็ก และมักผลักดันตัวเองให้เรียนหนักขึ้น ตั้งใจเรียนมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลการเรียนดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีผลการวิจัยเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงดูและผลการเรียนของเด็ก พบว่า เด็กที่มีผลการเรียนดี ส่วนใหญ่มักจะมีพ่อแม่เข้มงวด 2. พ่อแม่เข้มงวด ลูกก็มีความมั่นใจ การมีผู้ปกครองเข้มงวดหมายความว่า เด็กๆ จะต้องรับผิดชอบกับทุกการกระทำของตัวเอง พวกเขาโตมากับความเข้าใจว่า การทำงานหนักจะนำพาให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ยิ่งพ่อแม่ตั้งความหวังเอาไว้สูง เด็กๆ ก็ยิ่งต้องพยายามหนักขึ้น จะได้ประสบความสำเร็จ เด็กเหล่านี้จะได้ฝึกความสามารถในการประเมินสถานการณ์ก่อนการตัดสินใจ พ่อแม่ที่เข้มงวดจะช่วยผลักดันให้ลูกๆ ของพวกเขาทำทุกอย่างให้ดีขึ้น เด็กๆ จึงรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ และรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ผลข้างเคียงของการใช้โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ในเด็ก

ในปัจจุบัน มีการใช้โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ในเด็ก เนื่องจากเข้าใจว่าอาจสามารถช่วยกระตุ้นการพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก และช่วยเพิ่มส่วนสูงของลูก แต่การใช้โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ในเด็กอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่น ผื่นคัน ปวดหัว เป็นไข้ ความดันโลหิตสูง ดังนั้น จึงควรศึกษาเกี่ยวกับอันตรายจากการใช้โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ในเด็ก และปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยาใด ๆ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ (Human Growth Hormone; HGH) ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่าสามารถใช้รักษาอาการบางอย่างได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยการฉีด โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ในเด็ก ที่ใช้เพื่อรักษาภาวะตัวเตี้ยเกินไป และภาวะไม่เจริญเติบโตของเด็กๆ นั้น จะใช้ในกรณีที่เด็กๆ เป็นโรคดังนี้ กลุ่มอาการเทอร์เนอร์ซินโดรม (Terner syndrome) กลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลีซินโดรม (Prader-Willi Syndrome) โรคไตเรื้อรัง ภาวะขาดโกรทฮอร์โมน เด็กที่คลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์น้อย ดังนั้น ในกรณีที่เด็กไม่สูง แต่ไม่ได้เป็นโรคอะไรหรือมีปัญหาที่เกี่ยวกับความผิดปกติของโกรทฮอร์โมน ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับโกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ เพราะอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อลูกได้ ผลข้างเคียงจากการใช้โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ในเด็ก หากเด็กๆ หรือวัยรุ่น ได้รับการฉีดโกรทฮอร์โมนสังเคราะห์เข้าร่างกาย อาจมีผลข้างเคียง ดังนี้ ผื่นคัน ปวดศีรษะ เจ็บปวดเนื่องจากการฉีดยา เป็นไข้ เป็นโรคข้ออักเสบ เกิดอาการบวมน้ำ เกิดภาวะต้านอินซูลิน ความดันโลหิตสูง โรคข้อสะโพกหลุด ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม