รถหัดเดิน เป็นรถที่ผลิตขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยในการหัดเดินของเด็ก แต่อาจยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดว่ารถหัดเดินสามารถช่วยให้เด็กฝึกทักษะการเดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจมีข้อโต้แย้งถึงอันตรายมากกว่าประโยชน์ ทั้งยังอาจทำให้เด็กมีพัฒนาการในการเดินที่ล่าช้าลงได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณพ่อแม่ต้องการให้เด็กใช้รถหัดเดิน อาจต้องคอยระมัดระวังเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน
รถหัดเดิน คืออะไร
รถหัดเดิน คือ รถที่มีลักษณะเป็นโครงวงกลม มีที่นั่งตรงกลางและมีล้อเพื่อช่วยในการเคลื่อนที่ รวมถึงอาจมีของเล่นติดอยู่เพื่อให้ความเพลิดเพลินแก่เด็ก รถหัดเดินผลิตขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้เด็กวัยหัดเดินฝึกฝนการเดิน เนื่องจากมีโครงสร้างที่สามารถช่วยพยุงเด็กให้ยืนตัวตรงซึ่งอาจช่วยให้เด็กสามารถเดินได้เร็วขึ้น แต่เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัยของรถหัดเดิน ยังไม่มีการยืนยันอย่างแน่ชัดว่ารถหัดเดินสามารถช่วยให้เด็กมีพัฒนาการในการเดินที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกันอาจทำให้เด็กมีพัฒนาการในการเดินล่าช้าลง และอาจแฝงอันตรายต่อตัวเด็กอีกด้วย
รถหัดเดินช่วยให้เด็กหัดเดินได้จริงหรือไม่
รถหัดเดินอาจไม่ช่วยส่งเสริมการเดินของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก เด็กวัยหัดเดินเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ การใช้รถหัดเดินอาจขัดขวางการเรียนรู้ของเด็ก และอาจทำให้เด็กไม่ได้ฝึกฝนและเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เพราะโครงสร้างที่ใหญ่อาจทำให้เด็กไม่สามารถเอื้อมจับสิ่งของรอบ ๆ ตัวได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังอาจทำให้ทักษะการทรงตัว การประสาทงาน การยืน รวมถึงการรองรับและส่งน้ำหนักตัวจากขาข้างหนึ่งไปยังขาอีกข้างหนึ่งพัฒนาได้ช้าลง เพราะรถหัดเดินจะพยุงตัวเด็กไว้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ เด็กที่อยู่ในรถหัดเดินมักใช้ปลายนิ้วเท้าในการช่วยดันตัวเองให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้า เมื่อเด็กออกจากรถหัดเดินจะทำให้เด็กติดพฤติกรรมการเดินที่ผิดและอาจใช้นิ้วเท้าในการเดินต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ให้เด็กใช้รถหัดเดินบ่อยครั้งมากเท่าไหร่ ก็อาจยิ่งทำให้เด็กมีพัฒนาการในการเดินที่ช้าลงตามไปด้วย
รถหัดเดินสำหรับเด็กอันตรายหรือไม่
สำหรับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเด็กใช้รถหัดเดิน มีดังนี้
- รถหัดเดินมีล้อที่ช่วยในการเคลื่อนที่ เมื่อเด็กเคลื่อนตัวอาจทำให้รถเคลื่อนที่เร็วมากและอาจชนกับสิ่งของหรือกำแพงจนเกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เด็กเข้าถึงของอันตราย เช่น มีด ยา ชั้นวางของ ได้ง่ายขึ้น
- อาจทำให้เด็กตกจากบันไดหรือไหลลงทางลาดได้ง่ายขึ้น
- อาจเสี่ยงที่รถจะพลิกคว่ำในขณะเคลื่อนที่
- อาจเสี่ยงที่จะทำให้เด็กถูกน้ำร้อนลวก อาหารร้อนตกใส่ หรือถูกไฟคลอกได้ เพราะเด็กอาจเคลื่อนตัวไปชนกับโต๊ะอาหารที่มีของร้อน
- อาจเสี่ยงที่จะทำให้เด็กจมน้ำได้ เพราะเด็กอาจสามารถเคลื่อนตัวไปยังสระว่ายน้ำ คลอง บึง อ่างน้ำได้เอง
- อาจทำให้พัฒนาการในการเดินช้าลง หรืออาจทำให้เด็กจดจำพฤติกรรมการเดินที่ผิด เช่น การเดินด้วยปลายเท้า
วิธีในการช่วยให้เด็กฝึกเดิน
เด็กจะต้องมีทักษะหลายด้านเพื่อช่วยในการพัฒนาการเดินให้สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการทรงตัว การประสานงาน การยืน การรองรับและส่งน้ำหนักตัวจากขาข้างหนึ่งไปยังขาอีกข้างหนึ่ง รวมถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยทักษะเหล่านี้จะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเมื่อเด็กเจริญเติบโตและได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ตามช่วงวัยที่เหมาะสม
คุณพ่อคุณแม่อาจฝึกให้ลูกเดินได้ตั้งแต่อายุประมาณ 8-12 เดือน โดยเด็กจะเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการพลิกตัวไปมา ลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเอง ค่อย ๆ คลานหรือกระเถิบตัวให้เคลื่อนที่ จากนั้นเมื่อกล้ามเนื้อลำตัวและขาเริ่มแข็งแรงเต็มที่ เด็กจะพยายามดันตัวเองขึ้นด้วยการเอามือจับสิ่งของรอบตัวเพื่อช่วยในการยืน ซึ่งในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่อาจช่วยให้เด็กสามารถพยุงตัวยืนด้วยการจับแขนทั้ง 2 ข้าง และปล่อยให้เด็กก้าวเท้าเดินด้วยตัวเอง เมื่อเด็กสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง เด็กจะค่อย ๆ เดินด้วยการจับสิ่งของต่าง ๆ และเดินไปทีละนิด จนกว่าจะสามารถทรงตัวและเดินได้อย่างอิสระและสมบูรณ์ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถนำของเล่นที่มีเสียงหรือสีสันไว้ข้างหน้าเพื่อกระตุ้นให้ลูกน้อยก้าวเท้าออกมาหยิบของเล่นได้
[embed-health-tool-vaccination-tool]