ลูกหกล้ม เป็นอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับเด็กวัยหัดเดินขึ้นไป ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกมีการบาดเจ็บที่ไม่ร้ายแรง ไปจนถึงการบาดเจ็บร้ายแรง เช่น กระทบกระเทือนที่ศีรษะ บาดแผลใหญ่ กระดูกหัก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเรียนรู้วิธีรับมือเมื่อลูกหกล้ม และคอยสังเกตสัญญาณความผิดปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจนเป็นอันตรายได้
[embed-health-tool-vaccination-tool]
สาเหตที่ทำให้ลูกน้อยหกล้ม
แน่นอนว่ามีสาเหตุหลายประการที่อาจทำให้ลูกน้อยหกล้ม แต่การหกล้มนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับอายุและสถานการณ์ สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ทารกแรกเกิดหกล้ม ได้แก่
- ผู้ดูแลหลับขณะป้อนนม หรือโยกตัวทารกแล้วทารกหลุดออกจากอ้อมแขน
- ผู้ดูแลอุ้มทารกเดินสะดุดหรือหกล้ม และปล่อยให้ทารกหลุดมือ
- ล้มเพราะเปลี่ยนโต๊ะ
- ตกจากเตียง
ในเด็กโตสาเหตุของการหกล้มที่พบบ่อยที่สุด คือ
- การตกบันไดเมื่อพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้และอยู่ในช่วงที่กำลังชอบสำรวจสภาพแวดล้อม
- ล้มลงบนพื้น หรือกระแทกกับพื้นผิวที่แข็งหรือแหลม ในขณะที่พวกเรากำลังเรียนรู้ที่จะเดิน กลิ้ง และคลาน พวกเขาอาจตกจากที่สูงได้ หากพวกเขาสามารถปีนได้
สัญญาณเตือนก่อนลูกหกล้ม
จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) ให้ข้อมูลว่า การหกล้มเป็นสาเหตุหลักของการบาดเจ็บที่ไม่ร้ายแรงในเด็กที่อายุต่ำกว่า 19 ปี โดยมีเด็กประมาณ 8,000 คนที่ได้รับการรักษาจากการหกล้มทุกวันในห้องฉุกเฉิน ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจังและประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ
ในกรณีส่วนใหญ่หาก ลูกน้อยหกล้ม แล้วร้องไห้ทันที ไม่มีเลือดออก และอาจไม่แสดงอาการบาดเจ็บที่ชัดเจน เมื่อจับพวกเขาให้ยืนขึ้น ก็อาจจะปลอบใจลูกน้อย ซึ่งในกรณีการหกล้มที่ไม่รุนแรงดังกล่าว จะไม่ได้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเสียเท่าไรนัก แต่มีบางสถานการณ์ที่ ควรต้องพาลูกน้อยไปหาคุณหมอทันที เมื่อลูกน้อยหกลม ซึ่งสถานการณ์เหล่านั้น ได้แก่
- ลูกน้อยหมดสติ
- ลูกน้อยเริ่มอาเจียนทันที
- เลือดออกจากจมูกหรือหูของทารก
- จุดที่อ่อนแอ อย่าง กระหม่อม บนกะโหลกศีรษะเริ่มบวม
- มีร่องรอยของการแตกหักของกะโหลกศีรษะ หรือมีรอยฟกช้ำ บวมที่ศีรษะ เลือดออก มีบาดแผลที่หนังศีรษะ
- ลูกน้อยมีอาการชัก
- แขน ขา คอ หรือกระดูกสันหลังจองทารกดูไม่ตรง ผิดรูป และสงสัยว่ากระดูกหัก
- มีสัญญาณใดๆ ที่ลูกน้อยทำตัวไม่เหมือนปกติ เช่น มีอาการเซื่องซึม หรือไม่อยากอาหาร
หากมีอาการหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากลูกน้อยแสดงอาการบาดเจ็บที่คอ กระดูกสันหลัง หรือหนังศีรษะ ไม่ควรอุ้มพวกเขาขึ้นมา เพื่อปลอบใจ เพราะหากเคลื่อนย้ายลูกน้อย อาจเสี่ยงที่จะทำให้การบาดเจ็บแย่ลง ดังนั้น ควรโทรหาสถานพยาบาล เพื่อให้พวกเขาส่งรถพยาบาลมารับตัวลูกไปรักษา
หากลูกน้อยมีอาการชัก ไม่ควรอุ้มพวกเขาขึ้นมา พยายามตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าพวกเขาอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย เพื่อจะไม่ให้ได้รับการบาดเจ็บอีก และพยายามโทรหาสถานพยาบาลทันที
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ เมื่อลูกหกล้ม
หากลูกน้อยขไม่ได้ประสบกับภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์หลังจากหกล้ม คุณพ่อคุณแม่อาจสงสัยว่าควรทำอะไรเพื่อลูกน้อย และควรโทรหาหรือไปพบคุณหมอเมื่อใด
สิ่งแรกที่ควรทำคืออุ้มลูกขึ้นมาแล้วปลอบใจพวกเขา โดยปกติแล้วถ้าหากพวกเขาสบายใจได้ง่ายนั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี นอกจากนั้นสิ่งที่ควรจะทำหลังจากที่พวกเขาหกล้มแล้วไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน มีดังนี้
- โทรหาคุณหมอ โดยพวกเขาอาจจะขอให้นำลูกไปพบหรือไม่ก็ได้ แต่ก็ควรพาลูกน้อยไปพบคุณหมอทันทีที่ทำได้หลังจากหกล้ม เพื่อรับคำแนะนำจากคุณหมอ
- ทำความสะอาดแผลหรือรอยถลอก ด้วยสบู่และน้ำสะอาด
- ทาครีมป้องกันแบคทีเรียและใช้ผ้าพันแผล เพื่อปิดแผลที่เกิดขึ้น
- ประคบเย็นหรือประคบน้ำแข็งบริเวณที่เป็นรอยแดงหรือตรงที่ได้รับการกระแทก เพื่อป้องกันอาการบวม
- เฝ้าระวังลูกน้อยในช่วงหลายชั่วโมงข้างหน้า เพื่อดูสัญญาณของอาการที่ถูกกระทบกระแทก หรือการบาดเจ็บที่สมองอื่นๆ เช่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ดูเหมือนตื่นตัวน้อยลง การประสานงานของร่างกายน้อยลง ลูกน้อยอาจมีเหงื่อออก หน้าซีด หรือเริ่มอาเจียน
- หากลูกน้อยง่วงนอน คุณหมออาจแนะนำให้ปล่อยให้พวกเขาได้นอนหลับ แต่ต้องตรวจดูพวกเขาเป็นเวลา 2 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขาสบายดี
เมื่อไหร่ควรพาลูกไปหาคุณหมอ
แน่นอนว่ากะโหลกและกระดูกของทารกนั้นจะเปราะบางกว่าเด็กโต และทารกมีแนวโน้มที่จะได้รับบาดเจ็บจากการหกล้มมากกว่า ดังนั้น เมื่อประเมินแล้วว่าการบาดเจ็บของทารกมีน้อยและไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างฉุกเฉิน ควรโทรปรึกษาคุณหมอได้ในเวลาสั้นๆ แต่ควรโทรหาภายใน 1 ชั่วโมงแรก หรือหลังจากที่ลูกน้อยหกล้ม เพื่อจะได้ยังอยู่ในช่วงที่สามารถดูแลความปลอดภัยของพวกเขาได้
แพทย์หรือพยาบาล สามารถช่วยประเมินได้ว่า จำเป็นต้องพาทารกเข้าไปพบคุณหมอหรือไม่ หากแพทย์เห็นว่าลูกน้อยควรได้รับการรักษา ก็อาจดำเนินการดังนี้
- ขอให้อธิบายว่า ลูกน้อยหกล้มได้อย่างไร และพวกเขาปฏิบัติตัวอย่างไรหลังจากหกล้มแล้ว
- ตรวจดูสัญญาณของการบาดเจ็บเล็กน้อยหรือร้ายแรงกว่านั้นในทารก
- บอกสิ่งที่ต้องมองหาในลูกน้อยในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า เช่น สัญญาณของการถูกกระทบกระแทก หรือการบาดเจ็บที่สมองอื่นๆ
- บอกว่าในคืนนั้นจำเป็นจะต้องตรวจดูลูกน้อยในขณะที่พวกเขานอนหลับหรือไม่
- แพทย์จะแจ้งให้ทราบว่าจำเป็นต้องมีการติดตามผลหรือไม่ และต้องทำอย่างไรในกรณีที่ฉุกเฉิน
- วางแผนความปลอดภัยในบ้าน เพื่อป้องกันการหกล้มในอนาคต
วิธีป้องกันไม่ให้ ลูกน้อยหกล้ม
ความจริงแล้วการหกล้มส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้ ลองมองว่าการหกล้มครั้งแรกของลูกน้อยถือเป็นประสบการณ์การเรียนรู้และเป็นโอกาสในการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดการหกล้มขึ้นอีก โดยวิธีการป้องกันการหกล้มที่สามารถพบได้บ่อยที่สุด มีดังนี้
- อย่าทิ้งลูกน้อยเอาไว้บนเตียงโดยที่ไม่มีใครดูแล ทารกอาจทำให้ประหลาดใจกับความสามารถในการเคลื่อนไหวหรือกลิ้งตัว ก่อนที่จะคิดว่าพวกเขาสามารถทำได้ เมื่อจำเป็นจะต้องหันไปทำอะไรสักอย่างหนึ่ง พยายามเอามืออีกข้างจับลูกน้อยเอาไว้เสมอ
- ห้ามใช้รถหัดเดินเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่รู้กันดีว่าเป็นอันตรายและมีส่วนทำให้เกิดการหกล้มและการบาดเจ็บได้
- อย่าทิ้งคาร์ซีทหรือเบาะนั่งสำหรับเด็กไว้บนพื้นที่ยกระดับเมื่อมีทารกอยู่ในนั้น พยายามวางพวกมันเอาไว้บนพื้นที่เรียบเสมอ
- เมื่อลูกน้อยคลาน หรือเดิน ควรเฝ้าดูพวกเขาตลอดเวลา หากจำเป็นต้องห่างจากพวกเขา พยายามพาพวกเขาไปอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย เช่น คอกสำหรับปล่อยให้เด็กเล่น (Playpen) หรือเปล
- วางประตูกั้นเด็กที่ถูกติดตั้งอย่างถูกต้องบนบันไดทั้งหมดในบ้าน ตรวจสอบให้แน่ใจว่า หน้าต่างทั้งหมดมีการล็อก พิจารณารางเพื่อป้องกันความปลอดภัยด้วย
- ยกระดับเปลของลูกน้อยขึ้นและตรวจสอบความมั่นคง
- ใช้เข็มขัดนิรภัยและสายรัดนิรภัยบนเบาะรถ เก้าอี้เด็ก และเก้าอี้ที่สูงเสมอ
- วางเฟอร์นิเจอร์ให้ห่างจากหน้าต่าง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าปลอดภัย ยึดตู้หนังสือ ลิ้นชัก และทีวีไว้ที่ผนังอย่างมั่นคง
แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่อาจจะมีความรู้สึกผิดกับการที่เห็นลูกน้อยหกล้ม แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกผิดนั้นมาหยุดการติดต่อกับคุณหมอหลังจากที่ลูกน้อยหกล้ม เพราะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการสังเกตอาการของลูกรวมถึงวิธีการดูแลอย่างถูกต้องในกรณีที่ไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน ส่วนในกรณีที่ลูกน้อยมีอาการเปลี่ยนไปหลังจากหกล้ม คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบคุณหมอโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที