ม็อกซิพริล (Moexipril) ใช้เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง อยู่ในกลุ่มของยา ACE inhibitors ทำงานโดยผ่อนคลายหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
ข้อบ่งใช้
ยา ม็อกซิพริล ใช้สำหรับ
ยาม็อกซิพริล (Moexipril) ใช้เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง การลดระดับความดันโลหิตที่เพิ่มสูงสามารถช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือดฉับพลัน และปัญหาเกี่ยวกับไต ยาม็อกซิพริลอยู่ในกลุ่มของยา ACE inhibitors ทำงานโดยผ่อนคลายหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
วิธีใช้ยา ม็อกซิพริล
รับประทานยานี้ขณะท้องว่าง 1 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหารตามที่แพทย์สั่ง โดยปกติคือวันละหนึ่งหรือสองครั้ง ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษา
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง แพทย์อาจจะสั่งให้คุณเริ่มต้นใช้ยานี้ที่ขนาดต่ำ แล้วค่อย ๆ เพิ่มขนาดยา ควรทำตามแนวทางของแพทย์อย่างระมัดระวัง
ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้จำง่ายขึ้น ควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
ใช้ยานี้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะรู้สึกเป็นปกติ คนส่วนใหญ่ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงนั้นจะไม่รู้สึกป่วย
อาจต้องใช้เวลานานกว่าหลายสัปดาห์ กว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากยา
แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง (ระดับความดันโลหิตยังคงสูงอยู่หรือเพิ่มขึ้น)
การเก็บรักษายา ม็อกซิพริล
ควรเก็บรักษายาม็อกซิพริลที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาม็อกซิพริลบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งม็อกซิพริลลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ม็อกซิพริล
ก่อนใช้ยาม็อกซิพริล แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือแพ้ต่อยาในกลุ่ม ACE inhibitors อื่นๆ เช่น แคปโตพริล (Captopril) หรือลิซิโนพริล (lisinopril) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนผสมที่ไม่มีฤทธิ์ในการรักษาที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะเคยมีอาการแพ้ รวมไปถึงอาการบวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ อย่างโรคแองจิโออีดีมา (Angioedema) กระบวนการกรองเลือด (blood filtering procedures) เช่น การกรองไขมันไม่ดีจากเลือด (LDL apheresis) การฟอกไต (dialysis) ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง การฟอกไต โรคตับ
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้อาการวิงเวียนรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย
อาการเหงื่อออกมากเกินไป ท้องร่วง หรืออาเจียนอาจทำให้เกิดการสูญเสียน้ำในร่างกายมากเกินไปหรือภาวะขาดน้ำ และเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการหน้ามืด แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีอาการท้องร่วงหรืออาเจียนในระยะยาว ควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำนอกเสียจากแพทย์จะสั่งอย่างอื่น
ยานี้อาจเพิ่มระดับของโพแทสเซียม ก่อนใช้อาหารเสริมโพแทสเซียมหรือสารทดแทนเกลือที่มีโพแทสเซียม โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ
ผู้สูงอายุอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยาได้มากกว่า โดยเฉพาะอาการวิงเวียนหรือระดับโพแทสเซียมสูง
ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ขณะตั้งครรภ์เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และอ่านเพิ่มเติมในส่วนของคำเตือน
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านน้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาคีโตโปรเฟนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A = ไม่มีความเสี่ยง
- B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C = อาจจะมีความเสี่ยง
- D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X = ห้ามใช้
- N = ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา ม็อกซิพริล
อาจเกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด หรือเหนื่อยล้าในช่วงที่ร่างกายกำลังปรับตัวเข้ากับยา และอาจเกิดอาการไอแห้งได้ด้วย หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้น โปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
เพื่อลดความเสี่ยงในการวิงเวียนและหน้ามืดควรค่อย ๆ ลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอน
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า ยามีประโยชน์มากกว่าโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใด ๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง ได้แก่ อาการของระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นช้าหรือผิดปกติ หมดสติ
ยาม็อกซิพริลอาจใช้เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับไต หรือรักษาผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตด้วย แต่ในบางกรณี ยานี้อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับไตหรือทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้เช่นกัน แพทย์จะทำการตรวจสอบสมรรถภาพของไต ขณะที่คุณกำลังใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบทันที หากคุณมีสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง
ในนาน ๆ ครั้ง ยานี้อาจทำให้เกิดโรคตับที่รุนแรงและอาจถึงขั้นเสียชีวิต โปรดเข้ารับการรักษาทันทีหากเกิดอาการของตับเสียหาย เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียนไม่หยุด เบื่ออาหาร ปวดท้อง ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีคล้ำ
ปฏิกิริยาแพ้รุนแรงต่อยาชนิดนี้เป็นเรื่องที่พบได้ยาก อย่างไรก็ตาม ควรเข้ารับการดูแลทางการแพทย์ทันที หากมีอาการแพ้ขั้นรุนแรง ได้แก่ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง ปัญหาการหายใจ ผื่น อาการคันหรือบวม โดยเฉพาะ หน้า ลิ้น คอ
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาม็อกซิพริลอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่
- อะลิสคิเรน (aliskiren)
- ทองคำสำหรับฉีด (gold injections)
- ลิเทียม (lithium)
- ซาคูบิทริล (sacubitril)
ยาบางชนิดที่ใช้เพื่อทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแรงลงและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ เช่น
- เอเวอร์โรไลมัส (everolimus)
- ไซโลลิมัส (sirolimus)
ยาที่อาจเพิ่มระดับของโพแทสเซียมในเลือด เช่น ยาในกลุ่มตัวบล็อคตัวรับแอนจีโอเทนซิน (ARBs)
- ลอซาร์แทน (losartan)
- วาลซาร์แทน (valsartan)
- ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีดรอสไพรีโนน (drospirenone)
ยาบางชนิดอาจมีส่วนประกอบที่เพิ่มระดับความดันโลหิต หรือทำให้อาการหัวใจล้มเหลวรุนแรงขึ้น โปรดแจ้งให้เภสัชกรทราบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่คุณใช้ และสอบถามวิธีใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะยาแก้ไอแก้หวัด ยาลดความอ้วน หรือยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) อย่างไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือนาพรอกเซน (naproxen)
อาจเกิดปฏิกิริยาที่รุนแรง หากคุณรับการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (desensitization) สำหรับอาการแพ้ผึ้งหรือตัวต่อ และกำลังใช้ยาโมเอซิพริล แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาที่คุณกำลังใช้
ปฎิกิริยาต่ออาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาซูมาทริปแทนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยาต่ออาการโรคอื่น
ยาซูมาทริปแทนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยา ม็อกซิพริล สำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง
ขนาดยาเริ่มต้น
- ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาด้วยยาขับปัสสาวะ : 7.5 มก. รับประทานวันละครั้ง 1 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร
- ป่วยที่รับการรักษาด้วยยาขับปัสสาวะ : 3.75 มก. รับประทานวันละครั้ง 1 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร
ขนาดยาปกติ
- 7.5 ถึง 30 มก. แบ่งรับประทานวันละ 1 หรือ 2 ครั้ง 1 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร
ขนาดยาสูงสุด
- 60 มก./วัน
คำแนะนำ
- ควรหยุดการรักษาด้วยยาขับปัสสาวะ 2-3 วัน ก่อนเริ่มใช้ยานี้ หากจำเป็น หากใช้ยานี้เพียงอย่างเดียวแล้วยังไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ อาจกลับมาเริ่มการรักษาด้วยยาขับปัสสาวะอีกครั้ง หากไม่สามารถหยุดการรักษาด้วยยาขับปัสสาวะได้ ให้เริ่มต้นใช้ยานี้ที่ขนาดต่ำ
- ยังไม่มีการศึกษาขนาดยาโดยรวมมากกว่า 60 มก. ในผู้ป่วยภาวะความดันโลหิตสูง
- ผลของยาลดความดันอาจลดลงในช่วงท้ายของการใช้ยา ดังนั้นจึงควรวัดระดับความดันโลหิตเพียงแค่ก่อนเริ่มใช้ยา
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ (CrCl) 40 มล./นาที/1.73 ตารางเมตร หรือน้อยกว่านั้น ขนาดยาเริ่มต้น 3.75 มก. รับประทานวันละครั้ง 1 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร ขนาดยาสูงสุด 15 มก./วัน
การปรับขนาดยา
ผลการลดความดันของยาโมเอซิพริลอาจลดลงในช่วงท้ายของการใช้ยา ดังนั้นจึงควรวัดระดับความดันโลหิตเพียงแค่ก่อนเริ่มใช้ยา เพื่อหาว่ามีการควบคุมระดับความดันโลหิตที่เพียงพอหรือไม่ หากควบคุมได้ไม่เพียงพออาจเพิ่มขนาดยาหรือแบ่งให้ยา
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา รับประทาน 1 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร
การเฝ้าระวัง
- เฝ้าระวังเซรั่มอิเล็กโทรไลต์ (serum electrolytes) เป็นระยะ ๆ
- เฝ้าระวังสมรรถภาพของไตในช่วงสัปดาห์แรกของการรักษา
- ควรพิจารณาเฝ้าระวังจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวหากผู้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดคอลลาเจน (collagen vascular disease) โดยเฉพาะหากโรคนั้นมีความเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพของไตบกพร่อง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
- แนะนำให้ผู้ป่วยแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากมีสัญญาณหรืออาการของโรคแองจิโออีดีมา (หายใจติดขัดหรือมีอาการบวมที่ใบหน้า แขนขา ดวงตา ริมฝีปาก หรือลิ้น) และหยุดใช้ยานี้จนกว่าจะปรึกษากับแพทย์
- หากมีอาการหน้ามืดเกิดขึ้นระหว่างเริ่มต้นการรักษาควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที และหยุดใช้ยานี้จนกว่าจะปรึกษากับแพทย์
- ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หากมีเหงื่ออกมากเกินไป มีภาวะขาดน้ำ อาเจียน หรือท้องร่วงเนื่องจากอาจทำให้ระดับความดันโลหิตลดลงได้เพราะระดับน้ำในร่างกายลดลง
- ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาในกลุ่ม potassium-sparing diuretics อาหารเสริมโพแทสเซียม หรือสารทดแทนเกลือที่มีโพแทสเซียมโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- หากมีสัญญาณของการติดเชื้อ (เช่น เจ็บคอ เป็นไข้) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (neutropenia) ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ควรรับทราบผลของการใช้ยานี้ขณะตั้งครรภ์ และผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากตั้งครรภ์
ขนาดยาม็อกซิพริลสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
กรณีฉุกเฉินหรือการใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]