backup og meta

โรคตับกับอาหาร ควรรับประทานอย่างไรให้เหมาะสมกับสุขภาพ

โรคตับกับอาหาร ควรรับประทานอย่างไรให้เหมาะสมกับสุขภาพ

โรคตับกับอาหาร เป็นการดูแลและควบคุมอาหารสำหรับคนที่เป็นโรคตับ เนื่องจากหากป่วยเป็นโรคตับจะไม่สามารถรับประทานได้เหมือนอย่างที่เคย จำเป็นต้องได้รับอาหารพิเศษที่ให้คุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันตับเกิดความเสียหาย นอกจากนี้ โรคตับมีหลายประเภท จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับภาวะสุขภาพของตนเอง

[embed-health-tool-bmr]

โรคตับกับอาหาร ควรเลือกรับประทานอย่างไร

เนื่องจากโรคตับมีหลายอาหาร ดังนั้น หากป่วยเป็นโรคตับจึงควรทำความเข้าใจโรคและภาวะอาการของโรคตับชนิดนั้น ๆ เพื่อจะได้ดูแลตนเองและรับประทานอาหารที่เหมาะสม

ท้องมานและอาการบวมน้ำ

ท้องมาน (Ascites) เป็นอาการที่ช่องท้องของผู้ป่วยมีการสะสมของเหลว อาการบวมน้ำ (Edema) หมายถึง การที่ของเหลวก่อตัวขึ้นในเนื้อเยื่อ ที่มักจะเป็นที่เท้า ขา หรือหลัง ทั้งท้องมานและอาการบวมน้ำ ทำให้เกิดการสะสมของโซเดียมที่ผิดปกติ ร่วมกับความดันโลหิตสูงในหลอดเลือดระบบพอร์ทัล (portal hypertension) และโรคตับ

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้ มักต้องจำกัดการบริโภคโซเดียม ผู้ป่วยจะได้รับอนุญาตให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2-3 กรัมโดยงดอาหารกระป๋อง ไส้กรอกหรือเนื้อสำเร็จรูปทั้งหลาย เครื่องเทศ และเนยแข็งบางประเภท

น้ำดีคั่ง

เมื่อมีภาวะน้ำดีคั่ง (Cholestasis) ตับจะไม่สามารถกำจัดน้ำดีได้ ดังนั้น ผู้ป่วยจะมีภาวะอุจจาระมีไขมันมาก (steatorrhea) หรือภาวะดูดซึมไขมันบกพร่อง (fat malabsorption) อาการคือ อุจจาระมีไขมันปนและมีกลิ่นเหม็น

ผู้ที่มีภาวะน้ำดีคั่งสามารถรับประทานอาหารเสริมไขมัน เพื่อเป็นตัวช่วยได้ อาหารเสริมดังกล่าว ได้แก่ ไตรกลีเซอไรด์สายกลาง (medium-chain triglycerides) น้ำมัน MCT oil หรือน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเหล่านี้สามารถดูดซึมได้โดยไม่ต้องอาศัยน้ำดีจากตับ

ภาวะอุจจาระมีไขมันมาก ยังขัดขวางการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค ทั้งนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับอาหารที่ควรบริโภค

โรควิลสัน

โรควิลสัน (Wilson disease) เกิดขึ้นพร้อมกับภาวะการเผาผลาญธาตุทองแดงบกพร่อง ดังนั้น ผู้ป่วยโรควิลสันจะมีทองแดงสะสมอยู่ในอวัยวะจำนวนมากภายในร่างกาย ตั้งแต่ตับไปจนถึงสมอง และแม้กระทั่งกระจกตา

ดังนั้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยากำจัดทองแดงหรือยาเพนิซิลลามีน (penicillamine) เพื่อกำจัดทองแดงส่วนเกิน นอกจากนี้ ผู้ป่วยไม่ควรบริโภคอาหารใด ๆ ที่มีทองแดง เช่น ช็อคโกแล็ต ถั่ว หอย  เห็ด

ภาวะเหล็กเกิน

ภาวะเหล็กเกิน (Hemochromatosis) เกิดขึ้นเมื่อลำไส้ไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างเหมาะสม ธาตุเหล็กส่วนเกินสะสมอยู่ในตับ ตับอ่อน รวมถึงอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย ผู้ป่วยที่มีภาวะเหล็กเกินไม่ควรรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็ก รวมทั้งอาหารที่มีเหล็กในปริมาณมาก เช่น เนื้อสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อแดง เครื่องในสัตว์ ธัญพืช ไข่แดง อาหารทะเล

ไขมันพอกตับ

ไขมันพอกตับ (Fatty liver) ไม่ได้เกิดจากการรับประทานไขมัน แต่สัมพันธ์กับแอลกอฮอล์ โรคอ้วน อาหารที่ควรรับประทาน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชชนิดต่าง ๆ รวมทั้งผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูง หวานน้อย และอาหารที่มีไขมันดี เช่น ปลาทะเลน้ำลึก

 

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Nutrition and Liver disease http://www.liver.ca/liver-disease/having-liver-disease/healthy-living-guidelines/nutrition.aspx Accessed March 27, 2023.

Staying nutritionally well https://www.britishlivertrust.org.uk/liver-information/diet-and-liver-disease/ Accessed March 27, 2023

Diet – liver disease https://medlineplus.gov/ency/article/002441.htm Accessed March 27, 2023

Diet – liver disease. https://medlineplus.gov/ency/article/002441.htm. Accessed March 27, 2023

Nutrition and Liver Disease. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5793237/. Accessed March 27, 2023

เวอร์ชันปัจจุบัน

28/03/2023

เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคตับและอาการคัน เกี่ยวข้องกันอย่างไร

5 อันดับอาหารต้องห้าม สำหรับ ผู้ป่วยโรคตับอักเสบ


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 28/03/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา