ความสัมพันธ์กับอาหาร ก็เปรียบเสมือนความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความแบบเพื่อน ความสัมพันธ์แบบคนรัก ที่จะต้องใช้เวลาจึงจะดีขึ้นได้ หลาย ๆ คนอาจจะงงว่าความสัมพันธ์กับอาหารคืออะไร วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับอาหารมาให้อ่านกัน
ความสัมพันธ์กับอาหาร คืออะไร
ความสัมพันธ์กับอาหารเป็นเรื่องของการรับประทานอาหารที่ส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งความสัมพันธ์กับอาหารที่ดีนั้นเป็นความสัมพันธ์ที่เราไม่กำหนดหรือบังคับการรับประทานอาหารของตนเองมากจนเกินไป และเป็นรูปแบบการรับประทานอาหารที่นอกจากดีต่อใจแล้วยังต้องดีต่อสุขภาพอีกด้วย
ที่สำคัญคุณจะต้องไม่รู้สึกผิดเมื่อรับประทานอาหารเหล่านั้นเข้าไปแล้ว ความสัมพันธ์กับอาหารนั้นไม่ได้แตกต่างจากความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น ๆ เลย เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องใช้เวลาจึงจะดีขึ้นได้ ความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพหรือประเภทของอาหารที่รับประทาน แต่ขึ้นอยู่กับการเลือกรับประทานอาหารอย่างไร และเหตุผลที่เลือกรับประทานมากกว่า ดังนั้น หากคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกไม่เครียด ไม่กังวลเมื่อรับประทานอาหาร
สัญญาณที่บ่งบอกว่า ความสัมพันธ์กับอาหาร ของคุณไม่ดี
การจะเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารได้ อันดับแรกคุณจะต้องรู้ก่อนว่าอะไรที่เรียกว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับอาหาร เพื่อที่จะได้เริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารได้อย่างถูกต้อง
สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับอาหาร
- รู้สึกผิดเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงหรือจำกัดอาหารที่ไม่รู้สึกว่า ‘ไม่ดีต่อสุขภาพ’
- มีกฎในการรับประทานอาหาร เช่น รายการที่ห้ามกินเด็ดขาด
- กังวลกับแคลอรี่ที่รับประทานมากเกินไป
- ปล่อยให้ร่างกายหิว โดยที่ไม่รับประทานอาหาร
- กังวลหรือมีความกลัวการถูกตัดสินจากผู้อื่น เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหาร
สร้างความสัมพันธ์กับอาหาร ให้ดีขึ้นด้วยวิธีเหล่านี้
อนุญาตให้ตัวเองรับประทานอาหารโดยไม่มีเงื่อนไข
สำหรับบางคนที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก อาจสร้างเงื่อนไขในการรับประทานอาหารให้ตัวเอง เช่น เมื่อรับประทานมื้อกลางวันมาก ก็เลือกที่จะงดมื้อเย็น แม้ว่าร่างกายจะหิวขนาดไหนก็ตาม ซึ่งการสร้างเงื่อนไขในรูปแบบเช่นนี้ ถือว่าไม่ถูกต้องนัก หากร่างกายหิวก็ควรรับประทาน เพราะอาหารแต่ละมื้อมีความสำคัญในแบบที่แตกต่างกันออกไป
หยุดโทษตัวเอง
บางครั้งหมูกระทะ ไอศกรีม หรือขนมหวาน ก็ยั่วยวนใจจนเราไม่สามารถอดใจที่จะไม่กินได้ แต่พอกินเข้าไปก็โทษตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่าไม่ควรรับประทานอาหารเหล่านี้ เพราะมันจะทำให้อ้วนและไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งการโทษตัวเองจะยิ่งทำให้เกิดความเครียด และวิตกกังวล ที่สำคัญจะยิ่งทำให้เราไม่มีความสุข
รับประทานเมื่อหิว
โดยธรรมชาติแล้วร่างกายจะบ่งบอกเมื่อเรารู้สึกหิว หรือเมื่อรับประทานไปแล้วเมื่อรู้สึกอิ่มร่างกายก็จะบ่งบอกเช่นกัน แต่บางวัฒนธรรมการกิน พ่อแม่มักจะบอกให้รับประทานให้หมด ทำให้บางครั้งเรากังวลเรื่องนี้จนลืมไปว่าร่างกายนั้นรู้สึกอิ่มแล้วไม่ควรรับประทานต่อ หรือเสียดายอาหารที่เหลืออยู่ จึงพยายามกินให้หมดแม้จะอิ่มแล้วก็ตาม วิธีเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ช่วยให้มีความสัมพันธ์กับอาหารที่ดี
มีสมาธิกับการรับประทานอาหาร
การมีสมาธิกับการรับประทานอาหาร โดยไม่ทำกิจกรรมอื่น ๆ ไปด้วย หรือไม่กินอย่างรีบร้อน ช่วยให้คุณมีความสัมพันธ์กับอาหารที่ดีขึ้นได้
การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหาร ก็จะช่วยให้คุณรับประทานอาหารอย่างมีความสุข โดยไม่มีข้อแม้ เห็นคุณค่าในการรับประทานอาหาร ที่สำคัญยังช่วยให้รู้สึกมีความสุขเมื่อได้รับประทานอาหาร นอกเหนือจากนั้นแล้ว หลักที่สำคัญอีกอย่างที่ช่วยให้คุณมีความสัมพันธ์กับอาหารที่ดีขึ้นได้คือรับประทานอย่างพอเหมาะ และรู้ตนเอง เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รับประโยชน์จากอาหารที่ดีต่อทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจ