วิตามินนั้นเป็นสารอาหารอย่างหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ร่างกายต้องการวิตามินเพื่อให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการขาดวิตามินเหล่านี้อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อร่างกายได้ แต่อย่างไรก็ตาม การ กินวิตามินมากเกินไป ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี เพราะวิตามินที่มากเกินไปเหล่านี้ อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
กินวิตามินมากเกินไป อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
วิตามินเอ
วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ช่วยในเรื่องของการมองเห็น เพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และการทำงานของอวัยวะต่างๆ วิตามินเอนั้นเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน และจะพบได้มากในตับ ไต น้ำมันปลา นม และไข่ นอกจากนี้ยังสามารถพบวิตามินเอได้ในผัก เช่น มันฝรั่งหวาน และแครอทอีกด้วย
ปริมาณของวิตามินเอที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันนั้นมีดังต่อไปนี้
- ผู้ชายอายุ 18 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 900 mcg RAE
- ผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 700 mcg RAE
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 770 mcg RAE
- ผู้หญิงที่ให้นมลูก ควรได้รับวิตามินเอ 1,300 mcg RAE
ผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานวิตามินเอมากกว่าวันละ 3,000 mcg RAE เพราะหากได้รับวิตามินเอมากเกินกว่าที่กำหนด ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะวิตามินเอเป็นพิษได้
อาการของภาวะวิตามินเอเป็นพิษ คือ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ผดผื่น
- ระคายเคือง
- ความดันภายในกะโหลกศีรษะสูง
- วิงเวียน
- ปวดหัวไมเกรน
- การมองเห็นเปลี่ยนแปลง
- ตับเสียหาย
- โคมา
- เสียชีวิต
หากเกิดภาวะวิตามินเอเป็นพิษ ควรลดปริมาณการรับประทานวิตามินเอ ในกรณีที่รับประทานไปเป็นจำนวนมากเกินไปจนทำให้เป็นพิษ อาจรับประทานถ่านกัมมันต์ (Activated Charcoal) ลงไปเพื่อช่วยดูดซึมวิตามินเอส่วนเกินไปได้ และควรรีบตัวส่งโรงพยาบาลในทันที
วิตามินบี 3
วิตามินบี 3 หรือที่เรียกว่า ไนอาซิน เป็นวิตามินที่พบได้ในเนื้อแดง ปลา ธัญพืชเต็มเมล็ด และผักใบเขียว เป็นวิตามินที่ใช้เพื่อช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ภายในเลือด เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดระดับความดันโลหิต และช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
ปริมาณของวิตามินบี 3 ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันนั้นมีดังต่อไปนี้
- เด็ก 2-16 มก./วัน ขึ้นอยู่กับอายุ
- ผู้ชาย 16 มก./วัน
- ผู้หญิง 14 มก./วัน
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ 18 มก./วัน
- ผู้หญิงให้นมลูก 17 มก./วัน
ผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานวิตามินบี 3 เกินวันละ 35 มก. แม้ว่าการรับประทานวิตามินบี 3 ปริมาณมากในคราวเดียว อาจจะไม่ทำให้เกิดภาวะเป็นพิษ แต่การกินวิตามินบี 3 มากเกินไป นานติดต่อกัน อาจทำให้เกิดภาวะเป็นพิษได้
อาการของภาวะวิตามินบี 3 เป็นพิษคือ
- ผิวแดง
- วิงเวียน
- หัวใจเต้นเร็ว
- คัน
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง
- ท้องเสีย
- โรคเกาต์
หากคุณเกิดความเป็นพิษจากวิตามินบี 3 แพทย์อาจจะให้คุณกินวิตามินบี 3 พร้อมกับยาแอสไพริน ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSIAD หรือยาต้านฮีสตามีน จนกว่าอาการจะลดลง แต่หากมีอาการรุนแรง ควรนำตัวส่งโรงพยาบาล
วิตามินบี 6
วิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาของสมอง และรักษาสุขภาพของระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ วิตามินบี 6 นั้นสามารถพบได้ในสัตว์ปีก เนื้อหมู ปลา ถั่วต่างๆ ธัญพืชเต็มเมล็ด มันฝรั่ง และกล้วย หรือรับประทานจากอาหารเสริม
ปริมาณสูงสุดในการบริโภควิตามินบี 6 ไม่ควรเกินดังต่อไปนี้
- เด็ก 1-3 ปี ไม่ควรเกิน 30 มก./วัน
- เด็ก 4-8 ปี ไม่ควรเกิน 40 มก./วัน
- เด็ก 9-13 ปี ไม่ควรเกิน 60 มก./วัน
- ผู้ใหญ่ และผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมลูก ที่อายุ 14-18 ปี ไม่ควรเกิน 80 มก./วัน
- ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมลูกที่อายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ไม่ควรเกิน 100 มก./วัน
การกินวิตามินบี 6 จากอาหารในปริมาณมากมักจะไม่แสดงให้เห็นผลที่เป็นอันตราย แต่การกินอาหารเสริมวิตามินบี 6 ในขนาดสูงอาจเกิดความเป็นพิษได้ โดยมีอาการดังต่อไปนี้
- ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อได้
- มีบาดแผลบนผิวที่มีอาการปวดอย่างรุนแรง
- แพ้แสง
- เหน็บชา
- ความสามารถในการรับรู้ความรู้สึกปวดหรืออุณหภูมิลดลง
วิตามินดี
วิตามินดี เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ จากการโดยแสงแดด หรือรับประทานในรูปแบบของอาหารเสริม วิตามินดีนั้นมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานตามปกติ การได้รับวิตามินในปริมาณที่พอเหมาะมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟันที่แข็งแรง และช่วยต่อต้านโรคบางอย่างได้
ปริมาณของวิตามินดีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันคือ 0.015 มก./วัน และไม่ควรรับประทานอาหารเสริมวิตามินดีมากเกินกว่า 60,000 IU หรือ 1.5 มก. ต่อวัน เพราะจะทำให้เกิดภาวะวิตามินดีเป็นพิษได้
อาการของภาวะวิตามินดีเป็นพิษคือ
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง
- คลื่นไส้
- อ่อนแรง
- ปัสสาวะบ่อย
- ปวดกระดูก
- ปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น เป็นนิ่ว
วิตามินอี
วิตามินอี เป็นวิตามินที่ใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ภายในร่างกายไม่ให้เกิดความเสียหาย วิตามินชนิดนี้สามารถพบได้ในปลา น้ำมันพืช ถั่ว ธัญพืช ข้าวสาลี และผักใบเขียว
ปริมาณที่ควรรับประทานในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่คือ 15 มก. และห้ามรับประทานอาหารเสริมวิตามินดีเกินขนาด 300 มก. ต่อวัน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคหลอดเลือดสมอง และตกเลือด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmr]