ปัญหาตาแบบอื่น

นอกจากการเป็นต้อหิน ต้อกระจกแล้ว ยังมี ปัญหาตาแบบอื่น ที่คุณจะได้ศึกษาถึงสาเหตุ รวมถึงวิธีการป้องกันดวงตาให้กับตัวเอง รวมถึงคนในครอบครัว ซึ่งคุณสามารถอ่านข้อมูลทั้งหมดได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

ปัญหาตาแบบอื่น

เปลือกตาอักเสบ (Blepharitis)

ปัญหาของสุขภาพตาที่คนส่วนใหญ่มักเผชิญไม่ได้มีเพียงแค่ ต้อหิน ต้อกระจก สายตาสั้น สายตายาว เสมอไป ยังมีภาวะอื่นที่อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็น อย่าง เปลือกตาอักเสบ ด้วยเช่นกัน แต่จะภาวะนี้เกิดจากสาเหตุ หรือปัจจัยใดบ้างนั้น ติดตามได้ในบทความของ Hello คุณหมอ ที่นำมาฝากทุกคนกันได้เลยค่ะ [embed-health-tool-bmr] คำจำกัดความ เปลือกตาอักเสบ คืออะไร เปลือกตาอักเสบ (Blepharitis) คืออาการอักเสบบริเวณรอยพับของผิวหนังที่ปกคลุมดวงตา หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เปลือกตา เกิดจากการที่ต่อมน้ำมันโคนขนตาอุดตันเนื่องจากสิ่งสกปรก ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคือง จนเปลือกตาอักเสบ และมีอาการบวม ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นกับเปลือกตาข้างใดก็ได้ และสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ อาการอักเสบบริเวณเปลือกตาด้านนอก เป็นการอักเสบของเปลือกตาด้านนอกส่วนที่ใกล้กับขนตา อาการอักเสบบริเวณเปลือกตาด้านใน เป็นการอักเสบของเปลือกตาด้านในส่วนที่ใกล้กับดวงตามากที่สุด เปลือกตาอักเสบพบได้บ่อยแค่ไหน ภาวะเปลือกตาอักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย เมื่อต่อมน้ำมันมีการอุดตัน ดังนั้นทางที่ดีที่สุด คุณสามารถเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดจากจักษุแพทย์ได้ เพื่อขอคำแนะนำการรักษาได้อย่างเหมาะสม อาการ อาการของเปลือกตาอักเสบ สัญญาณเตือนของภาวะ เปลือกตาอักเสบ มักสังเกตได้ง่าย จากอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ อาการคันบริเวณเปลือกตา เปลือกตาบวมแดง รู้สึกแสบร้อนภายในดวงตา ตาแดง น้ำตาไหลตลอดเวลา ดวงตาไวต่อแสง ขี้ตาเกรอะ ดวงตาพร่ามัว เปลือกตามันเยิ้ม ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด หากคุณรู้สึกมีอาการปวดที่ดวงตา […]

สำรวจ ปัญหาตาแบบอื่น

ปัญหาตาแบบอื่น

สายตายาวตามวัย (Presbyopia)

สายตายาวตามวัย (Presbyopia) คือ ภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อดวงตาสูญเสียความสามารถในการมองเห็นสิ่งของระยะใกล้ นี่คือสิ่งที่น่าหงุดหงิดสำหรับการมีอายุที่มากขึ้น คำจำกัดความสายตายาวตามวัย คืออะไร สายตายาวตามวัย (Presbyopia) คือ ภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อดวงตาสูญเสียความสามารถในการมองเห็นสิ่งของระยะใกล้ นี่คือสิ่งที่น่าหงุดหงิดสำหรับการมีอายุที่มากขึ้น ภาวะสายตายาวตามวัยโดยทั่วไปมักเกิดขึ้นในช่วงต้นอายุ 40 และการมองเห็นจะแย่ลงอย่างต่อเนื่องจนถึงอายุ 65 ปี หลายท่านอาจทราบถึงการมีภาวะสายตายาวตามวัย เมื่อต้องเริ่มถือหนังสือหรืออ่านหนังสือพิมพ์ในระยะสุดปลายแขน การตรวจสอบดวงตาขั้นพื้นฐานสามารถยืนยันถึงการมีภาวะสายตายาวตามวัยได้ คุณสามารถรักษาภาวะนี้ได้ด้วยการสวมใส่แว่นตาหรือคอนแท็คเลนส์ รวมถึงอาจพิจารณาการผ่าตัดได้เช่นกัน สายตายาวตามวัย พบได้บ่อยเพียงใด ผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปีมีความเสี่ยงที่จะพัฒนาสู่ภาวะสายตายาวตามวัย และเมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว ทุกคนก็จะเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดภาวะนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้สามารถจัดการได้โดยลดความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการอาการของสายตายาวตามวัย ภาวะสายตายาวตามวัยไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน คุณอาจสัมผัสอาการเหล่านี้ได้เป็นครั้งแรก หลังจากอายุ 40 ปีขึ้นไป ต้องอ่านหนังสือในระยะไกลกว่าปกติถึงจะมองเห็นตัวอักษรได้ชัด มองเห็นไม่ชัดเจนในระยะอ่านหนังสือปกติ ปวดตาหรือปวดศีรษะหลังอ่านหนังสือหรือทำงานที่ต้องใช้สายตา อาการเหล่านี้อาจแย่ลงเมื่อมีอาการเหนื่อยล้า ดื่มแอลกอฮอล์ หรืออยู่ในที่ที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ ควรไปพบหมอเมื่อใด ควรไปพบหมอถ้าสายตาเป็นอุปสรรคต่อการอ่านหนังสือ ส่งผลต่อการทำงานที่ต้องใช้สายตา และกระทบต่อกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิต คุณหมอสามารถตรวจได้ว่าผู้เกิดอาการมีภาวะสายตายาวสูงอายุหรือไม่ และจะแนะนำทางเลือก รวมถึงค้นหาวิธีการรักษาโดยทันที ถ้าผู้เข้ารับการตรวจมีอาการดังต่อไปนี้ สูญเสียการมองเห็นในดวงตาข้างหนึ่งอย่างกะทันหัน เกิดอาการสายตาพร่ามัวอย่างกะทันหัน เห็นแสงสว่างวาบ เห็นจุดดำ หรือเห็นรัศมีรอบแสงไฟ สาเหตุสาเหตุของสายตายาวตามวัย กระบวนการรับภาพของคนเรานั้น ดวงตาต้องอาศัยกระจกตา ซึ่งมีรูปทรงคล้ายโดมใสที่อยู่บนพื้นผิวด้านหน้าของดวงตา และเลนส์ดวงตา ซึ่งมีลักษณะใส ทำหน้าที่รับแสงที่สะท้อนมาจากวัตถุต่างๆ ทั้งสองส่วนนี้จะช่วยหักเหแสงที่เข้ามาผ่านดวงตาไปยังเรตินา ซึ่งตั้งอยู่บนผนังด้านหลังดวงตาของเรา และทำให้เราเห็นเป็นภาพต่างๆ เลนส์ดวงตานั้นไม่เหมือนกับกระจกตา เลนส์ดวงตามีความยืดหยุ่นและสามารถเปลี่ยนรูปทรงได้ โดยอาศัยกล้ามเนื้อวงแหวนที่อยู่บริเวณโดยรอบ เมื่อคนเรามองวัตถุในระยะไกล กล้ามเนื้อวงแหวนส่วนนี้จะคลายตัว ในทางกลับกัน เมื่อคนเรามองวัตถุที่อยู่ในระยะใกล้ […]


ปัญหาตาแบบอื่น

อาการตาบอดสี กับข้อเท็จจริง 5 ประการที่ควรต้องรู้ไว้

ดวงตา ถือเป็นอวัยวะสำคัญที่มีบทบาทต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก มีข้อมูลระบุว่า การรับรู้และการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ของคนเราเกิดจากการมองเห็นประมาณร้อยละ 70-80 เลยทีเดียว หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงตา ย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเราอย่างมากทีเดียว หนึ่งในความผิดปกติของดวงตาที่เราเจอกันบ่อยคือ อาการตาบอดสี เราจึงขอนำคุณมาทำความรู้จักความจริง 5 ประการเกี่ยวกับอาการ ตาบอดสี ปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น รู้หรือไม่ คนเรานั้นมองเห็นสีไม่เหมือนกัน เมื่อมีคนถามว่า ใบผักโขมมีสีอะไร คำตอบของคุณอาจเป็น สีเขียว อย่างไรก็ตาม สีเขียว ที่แต่ละคนมองเห็นอาจไม่ใช่สีเขียวแบบเดียวกัน คุณและเพื่อนของคุณอาจจะมองเห็นสีเขียวไม่เหมือนกันก็ได้ คุณมองเห็นสีสันของวัตถุต่าง ๆ เพราะว่าแสงนั้นส่องมายังวัตถุและสะท้อนมายังเลนส์ตาและกระจกตาของคุณ โดยมารวมกันที่จุดรับภาพของจอประสาทตา สีของแสงนั้นระบุได้ด้วยความยาวคลื่น หมายความว่า สีเขียว มีความยาวคลื่นที่คุณเห็นคือสีเขียว ใบผักโขมเป็นสีเขียวเพราะผิวของมันสะท้อนความยาวคลื่นสีเขียวและซึมซับความยาวคลื่นของสีอื่น ๆ ไว้ มนุษย์แต่ละคนมองเห็นสีของวัตถุแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย เพราะตาและสมองทำหน้าที่ร่วมกันเพื่อระบุความแตกต่างของระดับความเข้มของแสงแตกต่างกัน สาเหตุของ อาการตาบอดสี คืออะไร ตาบอดสีอาจเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ ดวงตา สมอง หรืออาจเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเกิดได้จากการที่เซลล์รูปกรวยทำหน้าที่บกพร่อง หรือไม่มีเซลล์รูปกรวยในดวงตาซึ่งอาจเป็นผลจากความบกพร่องของยีนส์บางตัวที่มีหน้าที่เฉพาะในกระบวนการสร้างเซลล์เหล่านี้ เซลล์รูปกรวย (Cone cells) ทำหน้าที่จำแนกสีต่าง ๆ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งจะทำหน้าที่รับรู้สีหลัก ๆ 3 สี […]


ปัญหาตาแบบอื่น

สาเหตุที่เป็นไปได้สำหรับ อาการเจ็บตา ของคุณ

อาการเจ็บตา เป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน หลายๆ คนก็คงเคยมีอาการเจ็บตา แต่สาเหตุของอาการเจ็บตาอาจจะแตกต่างกันออกไป อาการเจ็บตาเป็นอาการที่พบได้บ่อย บางครั้งอาจเกิดจากรอยขีดข่วนหรือความรู้สึกคัน ระคายเคืองจากสิ่งแปลกปลอม เกิดการติดเชื้อหรือได้รับบาดเจ็บ บางครั้งอาการไม่รุนแรงเพียงใช้ยาหยอดตาหรือพักผ่อนอาการก็จะดีขึ้น แต่หากพักผ่อนแล้วอาการเจ็บตายังไม่ดีขึ้นควรต้องไปพบหมอเพื่อตรวจรักษาในเชิงลึก เราจึงได้รวบรวมสาเหตุของอาการเจ็บตามาให้ได้อ่านกันค่ะ สาเหตุของอาการเจ็บตา ตากุ้งยิง ตากุ้งยิงเป็นอาการอักเสบของต่อมไขมัน โดยบริเวณตาจะเกิดสีแดงนุ่มคล้ายกับสิวขึ้นด้านนอกหรือด้านในของเปลือกตา เป็นผลมาจากต่อมน้ำมันหรือเปลือกตาติดเชื้อ นอกจากความเจ็บปวดแล้วตากุ้งยิงอาจทำให้เกิดการฉีกขาดและบวมของเปลือกตาอีกด้วย กระจกตาถลอก กระจกตาถลอกเป็นอาการที่เกิดรอยถลอก รอยขีดข่วนที่พื้นผิวของกระจกตา บางครั้งเกิดจากการเสียหายของกระจกตาหรือการบาดเจ็บซึ่งเกิดจากคอนแทคเลนส์ การฉีกขาดหรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป บางครั้งอาการอาจรุนแรงมากจนไม่สามารถอ่านหนังสือ ขับรถไปทำงานหรือนอนหลับได้ นอกจากความเจ็บปวดแล้วยังส่งผลให้สายตามีความไวต่อแสงอีกด้วย อาการตาแห้ง กระจกตาเต็มไปด้วยเส้นประสาทที่ทำให้ดวงตาและสมองมีการตอบสนอง ดังนั้นเมื่อพื้นผิวของดวงตาแห้ง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการฉีกขาด หรือการระเหยของน้ำตาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง นอกจากความไม่สบายดวงตาแล้ว ผู้ที่มีอาการตาแห้งอาจทำให้ตาแดงและมีความไวต่อแสงด้วย เยื่อบุตาอักเสบหรือว่าตาแดง เยื่อบุตาอักเสบเป็นการระคายเคืองหรือการอักเสบของเยื่อบุตาซึ่งเป็นเยื่อบางๆ ที่อยู่ด้านนอกของลูกตาและด้านในของเปลือกตา ซึ่งสาเหตุของการเกิดเยื่อบุตาอักเสบที่พบได้บ่อยมักเกิดจากอาการแพ้ ติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย นอกจากอาการปวดแสบปวดร้อนหรือแสบร้อนในดวงตาแล้ว เยื่อบุตาอักเสบที่เกิดจากไวรัสหรืออาการแพ้มักจะมีน้ำหรือน้ำเหนียวๆ ออกมา เยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ยังทำให้เกิดอาการคันตาและเปลือกตาบวมอีกด้วย อาการปวดจากไซนัส อาการปวดหัวไซนัสเป็นผลมาจากการที่ไซนัสติดเชื้อหรืออักเสบ ซึ่งสามารถเกิดได้กับไซนัสทุกๆ ตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น ไซนัสหน้าผาก (frontal)ไซนัสข้างหัวตา (ethmoid) ไซนัสโหนกแก้ม (maxillary) และ ไซนัสฐานสมอง (sphenoid) เมื่ออาการไซนัสอักเสบก็ส่งผลให้เกิดความเจ็บตา มีอาการอับเสบรอบกระบอกตา ต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน โรคต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน เป็นโรคที่ฉุกเฉิน ต้องได้รับการักษาทันที่เพราะเมื่อเกิดจะมีอาการความดันลูกตาขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการปวดตาและบวมอย่างรุนแรงและฉับพลัน นอกจากความเจ็บปวดแล้ว อาจจะมีตาแดงและมักจะเห็นแสงและสายรุ้งรอบแสงไฟเนื่องจากอาการบวม […]


ปัญหาตาแบบอื่น

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ภาวะความดันลูกตาสูง

ภาวะความดันลูกตาสูง (Ocular Hypertension) เป็นภาวะที่มีความดันตา (intraocular pressure) สูงกว่าระดับปกติ  ความดันลูกตามีหน่วยเป็น มิลลิเมตรปรอท (mmHg)โดยระดับความดันตาปกติจะอยู่ที่ 10-21 มิลลิเมตรปรอท ภาวะความดันลูกตาสูงเกิดขึ้นเมื่อความดันตาสูงกว่า 21 มิลลิเมตรปรอท การวัดความดันตามีหลายวิธี โดยทั่วไปในคลินิกหรือโรงพยาบาล จะใช้การเครื่องมือที่เรียกว่า Noncontact tonometer ซึ่งเป็นการวัดความดันตา โดยการเป่าลมไปที่กระจกตาของผู้ป่วย เป็นการ screening เเละไม่มีส่วนของเครื่องมือมาสัมผัสตา ซึ่งลดโอกาสติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม การวัดความดันตาที่เป็นวิธีมาตรฐาน เรียกว่า Goldmann applanation จะวัดโดยจักษุเพทย์ บทความดังต่อไปนี้ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะนี้ สาเหตุของภาวะความดันลูกตาสูง       ภาวะสมดุลของความดันตา เกิดจากการที่ลูกตาสร้างของเหลวใส (aqueous humor)ในช่องหน้าลูกตา สมดุลกับการไหลเวียนออกนอกตา ในภาวะความดันลูกตาสูง เกิดจากการความผิดปกติของการไหลเวียนออกของน้ำในลูกตา ทำให้ความดันลูกตาสูงขึ้น นอกจากนี้อาจเกิดจากอุบัติเหตุ โรคตาบางประเภท หรือการใช้ยาบางอย่าง เช่น สเตียรอยด์ ถ้าความดันตาสูงกว่าภาวะปกติมาก หรือคงอยู่นาน จะส่งผลให้มีความผิดปกติของเส้นประสาทตา เเละกลายเป็นโรคต้อหินได้ อาการของภาวะความดันลูกตาสูง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีภาวะความดันลูกตาสูง อาจไม่เกิดอาการใดๆ จึงเป็นสาเหตุที่ต้องเข้ารับการตรวจตาจากจักษุแพทย์ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของเส้นประสาทจากความดันสูง เหนือสิ่งอื่นใด การตรวจตาเป็นสิ่งที่สำคัญเร่งด่วนสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุและคนผิวสี สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการและอายุต่ำกว่า 40 ปี […]


ปัญหาตาแบบอื่น

อาการตาแห้ง บรรเทาอย่างไรให้ได้ผล

อาการตาแห้ง เป็นอาการที่พบได้บ่อยในสังคมปัจจุบัน ส่วนมากจะมีอาการ ระคายเคืองตา เเสบตา ไม่สบายตา ฝืดตา รวมถึงมีภาวะระคายเคืองที่ผิวตาจนกระทั่งมีน้ำตาไหลผิดปกติ อาการเหล่านี้ถึงเเม้ไม่ได้ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็น เเต่ก่อให้เกิดความรำคาญเเละรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ที่มีอาการอย่างมาก อาการตาเเห้งนั้น เเท้จริงเเล้วเกิดจากผิวตาอักเสบ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสร้างน้ำตาน้อยลง อายุที่มากขึ้น เพศหญิงจะตาเเห้งมากกว่าเพศชาย การใช้สายตาที่มากขึ้น เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ เเละหน้าจอดิจิตอลหลายชั่วโมงต่อวัน ภาวะที่มี ควัน ฝุ่น ลม มากขึ้น เเละความชื้นต่ำในอากาศ รวมถึงยาบางประเภทเช่น ยาเเก้เเพ้ ยานอนหลับ การใส่คอนเทคเลนส์ เป็นต้น ในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ในการรักษาเเละบรรเทาอาการตาแห้งช่วยให้อาการดีขึ้น ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง โดยสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ที่ก่อให้เกิดอาการตาแห้ง เช่น ลดการใช้สายตาหน้าคอมพิวเตอร์ หรือพักสายตาเป็นระยะๆ  หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ควันธูป ควรใส่เเว่นกันเเดด กันลม ป้องกันดวงตาขณะเล่นกีฬา เช่น การขี่มอเตอร์ไซค์ ขี่จักรยาน เล่นสกี เพิ่มกรดไขมันในอาหาร กรดไขมันโอเมก้า 3 ได้รับการพิสูจน์ว่า สามารถช่วยลดอาการตาแห้งโดยการลดการอักเสบในร่างกาย โดยเฉพาะการอักเสบที่ตา ควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหาร ที่ช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง ใช้ยารักษา ใช้น้ำตาเทียมหยอดตาเป็นวิธีการที่ใช้ในการรักษาตาแห้งที่แพร่หลายมากที่สุด ผู้ป่วยสามารถหาซื้อยาตามร้านขายยาทั่วไป ยาเหล่านี้ช่วยบรรเทาอาการได้ […]


ปัญหาตาแบบอื่น

ความเชื่อผิดๆ และข้อเท็จจริงสามประการเกี่ยวกับ สายตา

สายตา เป็นการรับรู้ที่สำคัญมากที่สุดของมนุษย์ ถึงแม้คนทั่วไปจะใส่ใจในการดูแลสายตาเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีความเข้าใจผิด เกี่ยวกับการดูแลสายตาในหลายประการ บทความนี้นำเสนอความเชื่อผิดๆ และข้อเท็จจริงสามประการ เกี่ยวกับสายตาของเรา ความเชื่อผิดๆ เรื่องสายตา ความเชื่อผิดๆ 1: สายตาเสียได้เมื่อนั่งใกล้โทรทัศน์มากเกินไป เมื่อยังเป็นเด็ก คุณอาจถูกเตือนว่าการนั่งใกล้โทรทัศน์มากเกินไปทำลายสายตา แต่ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิด แท้จริงแล้ว การนั่งดูโทรทัศน์ใกล้ๆ ไม่ได้ทำร้ายดวงตา แต่ดวงตาอาจเกิดความล้า เมื่อดูโทรทัศน์เป็นเวลานานเกินไป หรืออาจทำให้คุณรู้สึกปวดหัวได้ การใช้คอมพิวเตอร์ และการดูภาพยนต์สามมิติ ก็ส่งผลต่อดวงตาได้ในลักษณะเดียวกัน หากคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยง การใช้เวลาหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ได้ ควรพักสายตาเป็นบางช่วงขณะทำงาน ความเชื่อผิดๆ 2: การอ่านหนังสือในที่มืดทำให้สายตาเสีย พ่อแม่หลายคนห้ามไม่ให้ลูกอ่านหนังสือในที่มีแสงสลัว เนื่องจากกลัวว่าจะส่ผลเสียต่อสายตา แต่แท้จริงแล้ว การอ่านหนังสือในที่มีแสงสลัวนั้นไม่ได้ส่งผลเสียต่อดวงตา เพียงแค่ทำให้อ่านได้ยากมากขึ้น คนในอดีตใช้แสงเทียนและแสงตะเกียง ในการอ่านหนังสือและทำงานมานับร้อยปี ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ให้ความสว่างน้อยกว่าไฟฟ้าในปัจจุบัน แต่สายตาของพวกเขาก็ไม่เสีย อย่างไรก็ตาม แสงสว่างที่ดีช่วยป้องกันความอ่อนล้าของดวงตา และทำให้อ่านหนังสือได้ง่ายขึ้น ความเชื่อผิดๆ 3: การใส่แว่นตาทำให้ต้องใส่ไปตลอด แว่นตาช่วยปรับสายตาที่มองเห็นไม่ชัดเจนได้ การสวมแว่นตาช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้ดวงตาของคุณต้องพึ่งพาแว่นตาไปตลอด เพราะแว่นตาไม่ได้ปรับเปลี่ยนส่วนใดของดวงตา แท้จริงแล้วเป็นที่ผู้สวมใส่เอง ที่เคยชินกับการมองเห็นที่ชัดเจนเมื่อสวมแว่น เช่นเดียวกันการสวมแว่นตาที่ไม่เหมาะสมต่อสภาพสายตา ก็ไม่ได้ทำลายสายตา คุณแค่จะไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน หากสวมแว่นตาที่ไม่เหมาะสม ข้อเท็จจริงเรื่องสายตา ข้อเท็จจริง 1: สารให้ความหวานเพิ่มอาการไวต่อแสงของดวงตา การบริโภคสารให้ความหวาน เช่น ไซคลาเมท สามารถทำให้ดวงตาไวต่อแสงมากขึ้นได้ […]


ปัญหาตาแบบอื่น

อาการผิดปกติของดวงตา ที่อาจดูเหมือนเล็กน้อย..แต่ไม่ใช่เรื่องเล็ก

ตาพร่า ตาแห้ง เคืองตา เริ่มมองเห็นไม่ชัด อาการผิดปกติของดวงตา ต่างๆ ถึงแม้บางเรืองอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในความจริงแล้ว อาจไม่ใช่เรื่องเล็กก็เป็นได้ และการสังเกตถึงปัญหาต่าง ๆ อย่าง อาการผิดปกติของดวงตา เหล่านี้เพื่อการรับมือได้อย่างทันท่วงทีและเหมาะสม จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรรู้ว่า ดวงตากำลังบอกอะไรกับคุณ กับบทความนี้ของ Hello คุณหมอ มองเห็นไม่ชัด ปกติดวงตาไม่มีอาการผิดปกติอะไร แต่อยู่ดีๆ ก็เกิดภาพเบลอหรือมองเห็นไม่ชัด ถือเป็นสัญญาณของปัญหาดวงตา เช่น โรคต้อหิน โรคม่านตาอักเสบ (Uveitis) เรตินาฉีกขาด หรือโรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD) นอกจากนี้การที่ดวงตาข้างเดียวมองเห็นไม่ชัดหรือมองไม่เห็นเลย เป็นหนึ่งในอาการของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) อาการมองไม่ชัด มองไม่เห็น โดยเฉพาะมองไม่เห็นข้างเดียว อาจหมายถึงการที่หลอดเลือดดวงตาเกิดการอุดตัน ทำให้เลือดไม่ไหลเวียนบริเวณดวงตา จนเกิดอาการมองเห็นไม่ชัด แต่ถ้ามีอาการเจ็บตาร่วมด้วย อาจหมายถึงการมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในดวงตา ถ้าเป็นแบบนี้ต้องรีบไปพบคุณหมอทันที เจ็บตา นายแพทย์ริชาร์ด ชูกาแมน จักษุแพทย์ ในเวสต์ ปาล์ม บีช ฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า โรคเกี่ยวกับตาส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำให้เกิดอาการเจ็บ แต่บางโรค หรือบางอาการบาดเจ็บ จะทำให้เจ็บตา อาการเจ็บตาอาจมีสาเหตุจากโรคต้อหิน ตาแห้ง กระจกตามีรอยขีดข่วน […]


ปัญหาตาแบบอื่น

สารพันปัญหาที่ทำให้คุณ น้ำตาไหลตลอดเวลา โดยไม่ได้ร้องไห้!

ดวงตา เป็นอวัยวะสำคัญที่เราต่างใช้งานกันอย่างแทบไม่ได้หยุดได้หย่อน เว้นเสียก็แต่ตอนนอนหลับพักผ่อน แต่ถ้าใครพักผ่อนน้อย ดวงตาก็ได้พักไม่เต็มที่ ก็สามารถทำให้ดวงตามีปัญหาได้เช่นกัน หนึ่งในอาการที่แสดงว่า ดวงตาของเราอาจมีปัญหา ก็คืออาการ น้ำตาไหลตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องเศร้าใจให้ต้องร้องไห้แต่อย่างใด อาการน้ำตาไหลตลอดเวลา สามารถเกิดจากอะไรได้บ้าง แล้วควรรับมืออย่างไรดี Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน น้ำตาไหลตลอดเวลา สามารถเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง ตาแดง ถ้าคุณมีอาการตาแดงและมีน้ำตาด้วย คุณอาจกำลังเป็นโรคตาแดง หรือเยื่อบุตาอักเสบ ซึ่งเป็นอาการของการติดเชื้อที่ดวงตา ซึ่งควรต้องพบหมอ เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษา อาการนี้สามารถเกิดได้จากการติดเชื้อ หรือมาจากอาการภูมิแพ้ก็เป็นได้ ถ้าคุณเป็นโรคตาแดงจากการติดเชื้อ ซึ่งสามารถติดต่อผู้อื่นได้ ควรระวังการสัมผัส ดวงตา และอย่าใช้ของร่วมกับคนอื่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ภูมิแพ้ เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ไรฝุ่น หรือควันไฟ ต่างก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ จนทำให้น้ำตาไหลตลอดเวลา ถ้าหากมีอาการตาแดง คันตาร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาที่ต้นเหตุ ตาแห้ง คุณอาจคิดว่าการมีน้ำตาไหล ไม่เกี่ยวกับอาการตาแห้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว น้ำตาอาจไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากตาแห้งจนเกิดอาการระคายเคือง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย กระตุ้นให้น้ำตาไหลออกมามากเพื่อหล่อเลี้ยง ดวงตา ในกรณีของน้ำตาไหลเพราะตาแห้ง อาจมีอาการปวดแสบ และมองเห็นไม่ชัดร่วมด้วย มีสิ่งอุดตันในท่อน้ำตา ดวงตาของคุณจะมีท่อน้ำตา เพื่อระบายน้ำตาออก แต่หากมีสิ่งอุดตันในท่อน้ำตา อาจทำให้น้ำตาย้อนกลับขึ้นมาที่ ดวงตา จนทำให้เกิดการระคายเคือง […]


ปัญหาตาแบบอื่น

ท่าบริหารดวงตา ฟื้นฟูความสดใสให้ดวงตาที่อ่อนล้าแบบง่ายๆ

คนเรามักกล่าวกันว่า “ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ” เนื่องจากดวงตาถ่ายทอดได้มากกว่าคำพูด ในโลกยุคใหม่ พวกเราต่างจ้องมองหน้าจอมือถือและจอคอมพิวเตอร์หลายต่อหลายชั่วโมง และบางครั้งก็เป็นการจ้องหน้าจอในพื้นที่ที่แสงไม่เพียงพอ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อดวงตาของเราได้ แต่จะให้งดดูหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เลยก็คงเป็นไปไม่ได้ วันนี้ Hello คุณหมอเลยมี ท่าบริหารดวงตา ง่ายๆ มาฝาก หากคุณทำเป็นประจำ จะช่วยบรรเทาและผ่อนคลายความเมื่อยล้าของดวงตาได้แน่นอน ท่าบริหารดวงตา ที่ทำได้ง่ายๆ กะพริบตา อาการตาล้าที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ มักเกิดจากคุณจ้องหน้าจอโดยแทบไม่ได้กะพริบตาเลย เชื่อหรือไม่ว่า คนส่วนใหญ่มักลืมที่จะกะพริบตา เมื่อจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ เมื่อคุณกระพริบตาไม่พอ ตาของคุณจะเริ่มแห้งและมีน้ำตาไหล ดังนั้น ลองทำท่าบริหารดวงตาง่ายๆ อย่างการกะพริบตาดู โดยให้กะพริบตาทุก 4 วินาที เพื่อให้ดวงตาของคุณมีความชุ่มชื่น และปราศจากอาการระคายเคือง มองวัตถุรอบตัว หลังจากการจดจ่อและจ้องมองจอคอมพิวเตอร์หลายชั่วโมงติดต่อกัน ลองพยายามสลับสายตาไปมองวัตถุที่อยู่ในระยะใกล้และไกล สลับกับการมองรอบๆ ไปมา โดยลองมองหาวัตถุรอบตัวที่ห่างออกไป 150 ฟุตจากตัวคุณ และจ้องมองดูรูปร่างของมัน จากนั้นค่อยๆ มองวัตถุที่อยู่ใกล้ตัวเข้ามาอีกประมาณ 30 ฟุต โดยจ้องมองดูรูปร่างของมันอีกครั้ง คุณอาจใช้เวลา 10-15 วินาทีกับการมองวัตถุแต่ละอย่าง และทำซ้ำ 4-5 ครั้ง กลอกตา ท่าบริหารดวงตาด้วยการกลอกตานี้ทำได้ง่ายมากๆ แถมช่วยบริหารดวงตาได้เป็นอย่างดียิ่งด้วย หลังจากที่คุณใช้ดวงตาหนึ่งชั่วโมง ให้เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตา และค่อยๆ […]


ปัญหาตาแบบอื่น

บอกลา ถุงใต้ตา ด้วยวิธีเหล่านี้ที่คุณก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน

ถุงใต้ตา มักจะเป็นปัญหาในเรื่องความสวยความงาม ส่วนปัญหาเรื่องสุขภาพ มักจะไม่ค่อยพบว่าถุงใต้ตาเป็นสัญญาณทางการแพทย์ที่ร้ายแรง สำหรับวิธีการลดถุงใต้ตาที่ทำได้ที่บ้าน เช่น การประคบเย็นสามารถช่วยลดถุงใต้ตาได้ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีถุงใต้ตาถาวรหรือรู้สึกเป็นปัญหา ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง สาเหตุของการเกิด ถุงใต้ตา อายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้โครงสร้างของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่พยุงหนังตาอ่อนแอลง และการสะสมของเหลวบริเวณใต้ตาของคุณ สามารถทำให้เกิดถุงใต้ตา ซึ่งผิวหนังบริเวณใต้ดวงตาจะบวมขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุของการเกิดถุงใต้ตา หรือทำให้อาการแย่ลง ได้แก่ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ โรคภูมิแพ้ การสูบบุหรี่ กรรมพันธุ์ การกักเก็บของเหลวบริเวณใต้ดวงตา โดยเฉพาะช่วงตื่นนอน หรือหลังจากกินอาหารเค็ม วิธีลดและบรรเทาการเกิด ถุงใต้ตา วิธีการลดถุงใต้ตา ที่คุณสามารถเริ่มทำได้ที่บ้าน มีดังต่อไปนี้ ใช้ถุงชา คุณสามารถใช้ถุงชาที่มีสารคาเฟอีน วางทับบริเวณใต้ดวงตาเพื่อช่วยลดรอยคล้ำใต้ดวงตาและถุงใต้ตา เนื่องจากคาเฟอีนในชามีสารต้านอนุมูลอิสระ และอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ผิว นอกจากนี้ยังอาจช่วยป้องกันรังสียูวี และอาจช่วยชะลอวัยด้วย โดยหลังจากดื่มชาที่มีคาเฟอีน คุณอาจทำดังนี้ แช่ถุงชา 2 ถุงในน้ำชาเป็นเวลา 3-5 นาที แช่ถุงชาไว้ในตู้เย็น 20 นาที บีบน้ำชาออกจนถุงชาแห้งหมาด วางถุงชาบริเวณใต้ดวงตาไว้ประมาณ 15-30 นาที ใช้แผ่นเจลประคบเย็น การใช้แผ่นเจลประคบเย็นบริเวณถุงใต้ตา เป็นเวลา 1-3 นาที อาจช่วยลดถุงใต้ตาได้ชั่วคราว เนื่องจากการใช้ความเย็นจะทำให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรวดเร็วจึงสามารถบรรเทาชั่วคราวได้ โดยคุณอาจซื้อแผ่นเจลประคบเย็นจากร้านค้า หรือประคบเย็นจากการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้ ช้อนแช่แข็ง แตงกวาเย็น ถุงผักแช่แข็ง ผ้าเย็น อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะประคบเย็นควรห่อแผ่นเจลประคบเย็นด้วยผ้านุ่ม เพื่อป้องกันผิวจากความเย็นจัด ดื่มน้ำให้เพียงพอ ภาวะขาดน้ำเกี่ยวข้องกับการเกิดถุงใต้ตา โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรดื่มน้ำอย่างน้อย 13 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงควรดื่มน้ำ 9 แก้วต่อวัน ดังนั้นคุณอาจบอกลาถุงใต้ตา ด้วยการดื่มน้ำให้มากขึ้นกว่าเดิม รักษาอาการของโรคภูมิแพ้ ถุงใต้ตาอาจเกิดจากโรคภูมิแพ้ […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม