หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า กินน้ำอสุจิ เป็นอะไรไหม การกินน้ำอสุจิในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือออรัลเซ็กส์ (Oral sex) เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ตามปกติและไม่ทำให้เสี่ยงตั้งท้อง อย่างไรก็ตาม การกินน้ำอสุจิอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม โรคหนองใน โรคพยาธิในช่องคลอด จึงควรใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัยเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อขณะมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
[embed-health-tool-ovulation]
กินน้ำอสุจิ เป็นอะไรไหม
น้ำอสุจิ เป็นของเหลวที่มีอสุจิหรือสเปิร์ม ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์ลักษณะคล้ายลูกอ๊อดขนาดเล็ก และพลาสมาของน้ำอสุจิที่สร้างขึ้นโดยอวัยวะสืบพันธุ์เพศชายเป็นส่วนประกอบ สีและความข้นหนืดของน้ำอุสจิอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามระยะเวลาที่หลั่งน้ำอสุจิออกมา ภาวะสุขภาพ เป็นต้น โดยทั่วไป การกินน้ำอสุจิไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารสามารถย่อยน้ำอสุจิได้เหมือนอาหารอื่น ๆ ทั้งนี้ บางคนอาจมีอาการแพ้น้ำอสุจิ ซึ่งสังเกตได้จากอาการคันหรือมีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง ใบหน้า ลำคอ แต่เป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก
กินน้ำอสุจิ แล้วจะท้องไหม
โดยปกติแล้ว ผู้หญิงจะสามารถตั้งท้องได้ก็ต่อเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดกับคู่นอน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อองคชาตเข้าไปในช่องคลอด และเกิดการหลั่งน้ำอสุจิออกมาเมื่อถึงจุดสุดยอด อย่างไรก็ตาม แม้จะทำออรัลเซ็กส์ หรือทำกิจกรรมทางเพศรูปแบบอื่นที่ไม่มีการสอดใส่ แต่หากน้ำอสุจิสัมผัสกับช่องคลอด ก็มีความเป็นไปได้ที่อสุจิจะเข้าไปในช่องคลอด เดินทางผ่านปากมดลูกและโพรงมดลูก แล้วไปผสมกับไข่ที่บริเวณท่อนำไข่จนเกิดการปฏิสนธิ เซลล์ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้วจะเคลื่อนที่จากท่อนำไข่พร้อมกับค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็นตัวอ่อนไปฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูกและเจริญเติบโตเป็นทารกต่อไป
หากกินน้ำอสุจิแต่ไม่ได้ทำให้น้ำอสุจิสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศหญิงหรือช่องคลอดไม่สามารถทำให้ตั้งท้องได้ เนื่องจากการกินน้ำอสุจิก็เหมือนกับการกินอาหารทั่วไป ตัวอสุจิจะผ่านช่องปากและหลอดอาหารลงไปที่กระเพาะอาหาร และสุดท้ายก็จะถูกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารย่อยจนหมด ทำให้อสุจิไม่มีโอกาสไปผสมกับไข่ซึ่งผลิตจากรังไข่และรอรับการผสมและเกิดการปฏิสนธิอยู่แค่ในบริเวณท่อนำไข่ได้เลย
ประโยชน์ของการกินน้ำอสุจิ
น้ำอสุจิประกอบไปด้วยตัวอสุจิ โปรตีน ของเหลว และสารประกอบต่าง ๆ เช่น น้ำตาลฟรุกโตส น้ำตาลกลูโคส โซเดียม ซิเตรต สังกะสี คลอไรด์ แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ยูเรีย กรดแลคติก แต่สารประกอบเหล่านี้เป็นเพียง 20% ของของเหลวทั้งหมดที่หลั่งออกมาในแต่ละครั้ง ซึ่งถือว่ามีปริมาณน้อยเกินกว่าที่ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ น้ำอสุจิจึงไม่ใช่แหล่งอาหารที่มีประโยชน์ทางโภชนาการ
ความเสี่ยงจากการกินน้ำอสุจิ
แม้สารประกอบในน้ำอสุจิจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่การรับน้ำอสุจิเข้าปากจากการออรัลเซ็กส์ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ เช่น
- โรคเริม โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus) ทำให้เกิดตุ่มน้ำบริเวณช่องปากและอวัยวะเพศ อาจทำให้รู้สึกแสบร้อน อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว และมักกลับมาเป็นซ้ำเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง
- โรคซิฟิลิส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา แพลลิดัม (Treponema Pallidum) โดยทั่วไปจะทำให้เกิดแผลที่เยื่อบุช่องปาก อวัยวะเพศ และทวารหนัก ทั้งยังทำให้มีผื่นขึ้นตามตัวด้วย หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- โรคหนองใน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria Gonorrhoea) ที่บริเวณเยื่อบุตา ลำคอ อวัยวะเพศ และทวารหนัก ทำให้บริเวณที่ติดเชื้อปวดบวม ในผู้ชายอาจทำให้มีสารคัดหลั่งออกจากองคชาต ส่วนในผู้หญิงอาจทำให้มีตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวเปลี่ยนเป็นสีเขียว สีเหลือง ร่วมกับมีเลือดออกระหว่างรอบเดือน การกินหรือกลืนน้ำอสุจิ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหนองในบริเวณลำคอได้เช่นกัน
- โรคหนองในเทียม เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย (Chlamydia trachomatis) อาจทำให้รู้สึกปวดท้องน้อย เจ็บขณะถ่ายปัสสาวะ ในผู้ชายอาจมีหนองไหลออกจากองคชาต ลูกอัณฑะบวม ส่วนในผู้หญิงอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ เช่น เปลี่ยนสี ส่งกลิ่นเหม็น และอาจมีเลือดออกระหว่างรอบเดือน สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางปาก อาจมีการติดเชื้อบริเวณปากหรือลำคอ ทำให้มีอาการเจ็บคอ ไอ หรือมีไข้ได้
- โรคพยาธิในช่องคลอด เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว ทริโคโมแนส วาจินาลิส (Trichomonas Vaginalis) พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจทำให้เกิดอาการบวมแสบและคันบริเวณอวัยวะเพศ ทำให้ตกขาวมีกลิ่นเหม็นและเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง หรือสีเทา
- การติดเชื้อไวรัส HPV หรือเชื้อไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา (Human papillomavirus) หากติดเชื้อเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งช่องปาก โรคหูดหงอนไก่ โรคมะเร็งปากมดลูก ทั้งนี้ การกลืนน้ำอสุจิอาจทำให้เกิดหูดหงอนไก่บริเวณกล่องเสียงได้
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อทำออรัลเซ็กส์ ได้แก่
- มีแผลเปิดภายในช่องปาก
- สุขอนามัยภายในช่องปากไม่ดี
- สัมผัสกับน้ำอสุจิของผู้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์