ช่วยตัวเอง หรือการสำเร็จความใคร่ เป็นเรื่องปกติทั่วไปและไม่ใช่เรื่องที่น่าอายแต่อย่างใด เพราะการช่วยตัวเอง ส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดความเครียด และอาจเสี่ยงเกิดโรคติดต่อทางมีเพศสัมพันธ์ร้ายแรงน้อยกว่าการมีเพศสัมพันธ์แบบอื่น อย่างไรก็ตาม การช่วยตัวเองก็อาจทำให้เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะเพศ เช่น อวัยวะเพศติดเชื้อ ได้เช่นกัน การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการช่วยตัวเอง เช่น ประโยชน์ ความเสี่ยงอาจทำให้ ช่วยตัวเอง และไปถึงจุดสุดยอดได้อย่างปลอดภัย ไม่เกิดปัญหาสุขภาพตามมา
[embed-health-tool-bmr]
ช่วยตัวเอง คืออะไร
การช่วยตัวเอง หรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองคือ การกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของตนเองให้ไปถึงจุดยอด ซึ่งถือเป็นกิจกรรมทางเพศที่ช่วยให้ผ่อนคลายและสร้างความสุขให้กับคนแทบทุกวัย โดยเฉพาะช่วงวัยเจริญพันธุ์ และถึงจะมีคู่รักหรือคู่นอนอยู่แล้ว ก็สามารถช่วยตัวเองได้ตามปกติ งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS One เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 ได้ศึกษาความหลากหลายทางเพศในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยให้กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นประชากรวัยผู้ใหญ่ 2,021 คน (ชาย 975 คน หญิง 1,046 คน) ทำแบบสำรวจที่ชื่อว่า The 2015 Sexual Exploration in America Study เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศตลอดช่วงชีวิตและในช่วงที่ผ่านมา ผลการสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างกว่า 80% เคยช่วยตัวเอง การช่วยตัวเองจึงเป็นกิจกรรมที่ปกติ เกิดขึ้นได้กับทุกคน
ช่วยตัวเอง มีประโยชน์อย่างไร
การช่วยตัวเอง อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้
1. บรรเทาอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
การช่วยตัวเองอาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ให้กับผู้หญิงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่เข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือน คุณหมอ Judi Chervenak สูตินารีแพทย์ประจำศูนย์การแพทย์มอนเตฟิโอเร (Montefiore Medical Center) รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ช่องคลอดอาจแห้งและแคบลง จนทำให้รู้สึกเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ แต่การช่วยตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อใช้เจลหล่อลื่นสูตรน้ำเป็นตัวช่วย อาจกระตุ้นการผลิตน้ำหล่อลื่น ช่วยป้องกันช่องคลอดแคบ และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณอวัยวะเพศ ทั้งยังอาจช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ด้วย
2. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม การติดเชื้อเอชไอวี โรคหนองใน โรคซิฟิลิส ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียจากสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ การช่วยตัวเองจึงเป็นกิจกรรมทางเพศที่อาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหล่านี้ได้ และที่สำคัญ ยังช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีบุตรได้ด้วย จึงอาจช่วยลดปัญหาท้องไม่พร้อม ทำแท้ง เป็นต้น
3. อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Urology เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ทำการศึกษาเกี่ยวกับความถี่ในการหลั่งน้ำอสุจิและความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยการรวบรวมข้อมูลจากการให้กลุ่มตัวอย่างเพศชาย 31,925 คน ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความถี่ในการหลั่งน้ำอสุจิ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2535 และตามเก็บข้อมูลถึงปี พ.ศ. 2553 พบว่าผู้ชายที่มีความถี่ในการหลั่งน้ำอสุจิอย่างน้อย 21 ครั้ง/เดือน อาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากลดลง 20% เมื่อเทียบกับผู้ที่หลั่งน้ำอสุจิ 4-7 ครั้ง/เดือน แต่ก็ยังมีงานศึกษาวิจัยบางชิ้นที่ระบุว่าการหลั่งน้ำอสุจิอาจไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้นหรือลดลงแต่อย่างใด จึงอาจยังต้องมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดขึ้น
4. อาจช่วยคลายเครียดได้
การช่วยตัวเองอาจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดทั่วทั้งร่างกายและทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ที่ได้ชื่อว่าเป็นสารแห่งความสุข ช่วยบรรเทาความเครียด และความเจ็บปวด
ความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการช่วยตัวเอง
ปกติแล้วการช่วยตัวเองอาจปลอดภัยสำหรับคนทุกเพศ แต่หาก ช่วยตัวเอง บ่อยเกินไปอาจส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่กระตือรือร้น จิตใจหดหู่ และอาจมีปัญหาทางเพศ เช่น ภาวะหลั่งเร็วในผู้ชาย บางคนอาจเกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรกที่อยู่ในซอกเล็บหรือบนมือ ทั้งยังอาจเสี่ยงทำให้ช่องคลอดอักเสบ หรือเนื้อเยื่ออวัยวะเพศเสียหายได้
การรักษาสุขอนามัยทั้งก่อนและหลังช่วยตัวเอง ด้วยการล้างมือ นิ้วมือ และอวัยวะเพศให้สะอาด และตัดเล็บให้สั้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย โดยเฉพาะในผู้หญิง เพราะผู้หญิงอาจนิยมช่วยตัวเองด้วยการสอดนิ้วเข้าไปในช่องคลอด หรือหากช่วยตัวเองหรือกระตุ้นอารมณ์ทางเพศด้วยอุปกรณ์ชนิดอื่น เช่น เซ็กส์ทอย ก็ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ก่อนใช้และหลังใช้ด้วยเช่นกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศ