อาการปวดท้องประจำเดือน เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงนั้นมักพบเจอ โดยเฉพาะช่วงก่อนหรือระหว่างที่เป็นประจำเดือน และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันส่งผลให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ไม่สะดวก ดังนั้น จึงควรศึกษา วิธีแก้ปวดท้องประจําเดือน เพื่อช่วยบรรเทาอาการหรือเข้าพบคุณหมออย่างรวดเร็วหากมีอาการที่รุนแรงขึ้นเพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะแทรกซ้อน เช่น เนื้องอก มะเร็งมดลูก กลุ่มอาการถุงน้ำในรังไข่หลายใบ
[embed-health-tool-ovulation]
สาเหตุที่ทำให้ปวดท้องประจําเดือน
สาเหตุที่ทำให้ปวดท้องประจำเดือนเกิดจากกล้ามเนื้อผนังมดลูกบีบตัว ส่งผลให้ขวางการไหลเวียนของออกซิเจนที่ส่งไปยังมดลูกชั่วคราว และเมื่อไม่มีออกซิเจนเนื้อเยื่อมดลูกจะปล่อยสารเคมีที่เรียกว่าสารพรอสตาแกลนดินส์ (Prostaglandins) ซึ่งออกฤทธิ์กระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวมากขึ้นเพื่อขับเยื่อบุโพรงมดลูกออกมาเป็นประจำเดือนและส่งผลให้รู้สึกปวดท้องเกร็งรู้สึกปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย และยิ่งมีสารพรอสตาแกลนดินส์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้มดลูกบีบตัวเพิ่มขึ้นที่นำไปสู่อาการปวดท้องประจำเดือนมาก
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจทำให้มีอาการปวดท้องประจำเดือน ดังนี้
- การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่และเนื้องอกในมดลูก พบได้มากบริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ และเนื้อเยื่อบริเวณอุ้งเชิงกราน ที่อาจส่งผลให้มีอาการปวดท้องเกร็งบริเวณท้องน้อยมาก
- ภาวะปากมดลูกตีบ (Cervical Stenosis) เพราะอาจทำให้ประจำเดือนไหลออกจากช่องคลอดยาก ส่งผลให้ความดันภายในมดลูกเพิ่มสูง จนนำไปสู่การอาการปวดท้องประจำเดือน
- อุ้งเชิงกรานอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จนนำไปสู่อาการปวดท้องประจำเดือน
- ห่วงคุมกำเนิด เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดที่ใช้ใส่ในโพรงมดลูกเพื่อช่วยคุมกำเนิด โดยอาจส่งผลให้มีอาการปวดท้องเมนส์เล็กน้อยโดยเฉพาะช่วงแรกของการใส่
วิธีแก้ปวดท้องประจําเดือน
วิธีแก้ปวดท้องประจําเดือน อาจทำได้ดังนี้
- ประคบร้อน ใช้ถุงน้ำร้อนหรือขวดใส่น้ำร้อนและห่อด้วยผ้า วางไว้บนหน้าท้องส่วนล่าง เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน
- ยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) นาพรอกเซน โซเดียม (Naproxen sodium) ใช้เพื่อช่วยลดระดับของสารพรอสตาแกลนดินส์ ที่เป็นสาเหตุทำให้มดลูกบีบตัวจนนำไปสู่อาการปวดท้องประจำเดือน ที่สามารถรับประทานจนกว่าอาการจะหายไปหรือตามคำแนะนำของคุณหมอ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและไต ควรรับประทานยาพร้อมอาหารเพื่อป้องกันอาการปวดท้อง
- ออกกำลังกาย เช่น การเดินช้า ๆ โยคะ โดยเฉพาะก่อนประจำเดือนมา เพราะอาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้
- นวดหน้าท้อง การนวดรอบ ๆ หน้าท้องส่วนล่างเบา ๆ อาจช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้
- พักผ่อน ด้วยการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ ฟังเพลง ดูหนัง นอนหลับ เพื่อช่วยเบี่ยงเบนความสนใจและช่วยให้สบายตัวจากอาการปวดท้องประจำเดือน
- หยุดสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้อาการปวดท้องประจำเดือนแย่ลงและเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็งปอด ตับแข็ง โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดบวม โรคหัวใจและหลอดเลือด
- เปลี่ยนรูปแบบการคุมกำเนิด สำหรับผู้ที่มีอาการปวดท้องประจำเดือน เนื่องจากการใส่อุปกรณ์คุมกำเนิดในช่องคลอด อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีการคุมกำเกิดรูปแบบอื่น เช่น ถุงยางอนามัย ยาคุมแบบรับประทาน ยาคุมแบบฉีดและแผ่นแปะคุมกำเนิด
หากอาการปวดประจำเดือนไม่ดีขึ้น ควรเข้าพบคุณหมออย่างรวดเร็ว โดยคุณหมออาจทำการรักษาด้วย การฉีดยาเพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือนในขณะนั้น รวมถึงป้องกันการกลับมาปวดประจำเดือนซ้ำโดยแนะนำให้กินยาคุมหรือฉีดยาคุมเพื่อลดอาการปวดประจำเดือน การฝังเข็มหรือการกระตุ้นเส้นประสาทด้วยไฟฟ้าผ่านผิวหนัง ที่จะแปะแผ่นขั้วไฟฟ้าบริเวณหน้าท้องและส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
อาการผิดปกติที่ควรเข้าพบคุณหมอ
สำหรับผู้หญิงที่มีอาการปวดท้องประจำเดือนรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และมีอาการไม่ดีขึ้นแม้ว่าจะใช้วิธีแก้ปวดท้องประจำเดือนเบื้องต้น รวมถึงมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ ท้องเสีย ปวดเมื่อยตัวร่วมด้วยจนรบกวนการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันและการนอนหลับ ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะสุขภาพร้ายแรง เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกในมดลูก ซีสต์ในรังไข่และการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานที่นำไปสู่อุ้งเชิงกรานอักเสบ