เลเซอร์กระ เป็นวิธีการกำจัดกระ ซึ่งเป็นจุดเล็ก ๆ สีออกน้ำตาลหรือแดงบนผิวหนัง ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย เช่น ใบหน้า โหนกแก้ม คอ หน้าอก แขน กระ อาจไม่จัดเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง แต่หากมีกระจำนวนมากขึ้นตามใบหน้าและตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ก็อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ ซึ่งสามารถกำจัดกระด้วยวิธีทางการแพทย์ต่าง ๆ เช่น เลเซอร์กระ ซึ่งเป็นการยิงเลเซอร์แบบเฉพาะจุดบริเวณผิวหนัง เพื่อขจัดเซลล์เม็ดสีจากตำแหน่งเดิม ซึ่งอาจช่วยให้กระดูจางลง
[embed-health-tool-bmi]
กระ คืออะไร
กระ เป็นจุดเล็ก ๆ สีออกน้ำตาลปรากฏบนผิวหนังบริเวณใบหน้า แขน หลังมือ ลำคอ หรือหน้าอก มีสาเหตุจากการที่ร่างกายสร้างเม็ดสีผิวหรือเมลานิน (Melanin) มากเกินไป ทั้งจากการถูกกระตุ้นโดยปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด หรือเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม กระสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
- กระทั่วไปหรือกระตื้น เป็นกระชนิดที่พบบ่อย มีสีแดงหรือน้ำตาล เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตรหรือใหญ่กว่า และอาจมีเส้นขอบไม่ชัดเจน โดยปกติ มักพบบริเวณใบหน้า คอ อก และแขน
- กระแดด มักพบในชาวตะวันตกหรือผู้ที่มีผิวขาวโดยปรากฏตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่โดนแสงแดดเป็นประจำ เช่น ใบหน้า แขน หลังมือ อก หลัง กระแดดมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 มิลลิเมตรหรือใหญ่กว่า เส้นขอบชัดเจน และมีสีหลากหลายตั้งแต่เหลืองไปจนถึงดำ ทั้งนี้ ในบางราย กระแดดอาจจางหายไปเองแต่มักกลับมาเป็นอีกโดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำ
- กระลึก เป็นจุดหรือแถบสีเข้มบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้างที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสี พบมากในผู้หญิงเอเชียวัยกลางคน มักปรากฏชัดขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด และอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นฝ้าได้ เพราะมีลักษณะคล้ายกันและยังเป็นได้พร้อม ๆ กัน
เลเซอร์กระ คืออะไร
เลเซอร์กระเป็นการฉายแสงเลเซอร์ลงไปยังผิวหนังชั้นหนังแท้ส่วนที่เป็นกระ เพื่อขจัดเซลล์เม็ดสีที่มีมากเกินไปและกระตุ้นโปรตีนคอลลาเจนในผิวหนังให้ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวหนังให้ดูกระจ่างใสขึ้น ส่งผลให้รอยกระค่อย ๆ จางลงหรือหายไป
โดยทั่วไป เลเซอร์กระมักเป็นชนิดเลเซอร์แบบลอกผิว (Ablative Laser Resurfacing) ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่มีระดับความรุนแรงสูง เช่น เลเซอร์ Nd-YAG พิโคเซคเคิน เลเซอร์ (Picosecond Laser) เลเซอร์ชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser) จะให้ผลค่อนข้างชัดเจนเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง แต่อาจทำให้ผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ที่ทำเลเซอร์กระเสียหายได้ จึงใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนานกว่าเลเซอร์ชนิดอื่น
อย่างไรก็ตาม เลเซอร์กระไม่ได้ให้ผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ จึงควรเข้ารับบริการเลเซอร์กระประมาณ 2-6 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
เลเซอร์กระ มีขั้นตอนอย่างไร
เมื่อไปเลเซอร์กระที่สถานพยาบาล ขั้นตอนในการทำเลเซอร์กระมักมีดังนี้
- ผู้เข้ารับบริการเลเซอร์กระล้างหน้าให้สะอาด หรือเช็ดทำความสะอาดผิวหนังส่วนที่ต้องการทำเลเซอร์กระ จากนั้นเช็ดให้แห้ง เพื่อเตรียมผิวหน้าสำหรับการฉายเลเซอร์
- เจ้าหน้าที่หรือพยาบาลจะทายาชาบนใบหน้าผู้เข้ารับบริการเลเซอร์กระทิ้งไว้เป็นเวลา 45 นาที
- คุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญจะฉายเลเซอร์ไปบนผิวหนังตำแหน่งที่เป็นกระ เวลาที่ใช้ในการทำเลเซอร์กระขึ้นอยู่กับปริมาณกระบนใบหน้าและความเชี่ยวชาญของคุณหมอ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 30-120 นาที
- หลังจากยิงเลเซอร์กระเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่หรือพยาบาลจะเช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณที่เป็นกระอีกครั้ง และอาจทายาหรือครีมลดการระคายเคืองของผิวร่วมด้วย ก่อนให้กลับบ้านได้
เลเซอร์กระ ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างไร
เลเซอร์กระมักก่อให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่
- ผิวหนังมีรอยแดง รอยไหม้ แสบ คัน บวม รู้สึกระคายเคืองผิว โดยใช้เวลาประมาณ 1-3 วัน อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น
- ผิวหนังเป็นแผลตกสะเก็ด ไม่ควรแกะหรือเกา ควรปล่อยให้หลุดลอกออกเอง โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน
- สีผิวบริเวณรอบ ๆ ที่ทำเลเซอร์กระอาจเข้มขึ้นหรือจางลง อาจใช้เวลา 1-3 เดือน สีผิวจึงจะกลับมาเรียบเนียนสม่ำเสมอทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
เลเซอร์กระ และวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น
หลังจากทำเลเซอร์กระแล้ว ผู้ที่เข้ารับการเลเซอร์กระควรดูแลตัวเองดังนี้
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวบริเวณที่ผ่านการเลเซอร์กระโดนน้ำเป็นเวลา 2 วัน และหากโดนน้ำ ควรซับเบา ๆ ให้แห้ง ไม่ควรถูผิวบริเวณดังกล่าวอย่างรุนแรง
- หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดเป็นเวลา 1-2 เดือน เพราะผิวหนังที่เพิ่งผ่านการเลเซอร์จะไวต่อแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต หากโดนแสงแดดบ่อยครั้งหรือเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังได้
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือครีมกันแดดเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลตกสะเก็ดจะหายไป
- ทาครีมหรือวาสลีนตามคำแนะนำของคุณหมอ เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อที่ผ่านการทำเลเซอร์กระสัมผัสกับอากาศโดยตรง และทำให้แผลหายไวขึ้น
กระ ป้องกันได้อย่างไร
การป้องกันผิวหนังเป็นกระ อาจทำได้ด้วยการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเลือกอยู่ในที่ร่มในช่วงที่แดดแรง หรือระหว่างเวลา00 น. ถึง 16.00 น.
- แต่งกายมิดชิดเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง หรือเลือกใส่หมวกปีกกว้าง แว่นตาดำ เสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว เพื่อป้องกันผิวหนังเผชิญกับแสงแดดโดยตรง เพราะอาจยิ่งเสี่ยงเป็นกระเพิ่มขึ้น
- ก่อนออกจากบ้าน ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 60 ขึ้นไปและหากต้องอยู่นอกอาคาร ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต