ฝ้า กระ เป็นปัญหาผิวหนังที่ส่งผลให้ผิวเป็นจุดด่างดำเล็ก ๆ หรืออาจเป็นปื้นใหญ่ พบได้บ่อยบริเวณแก้ม หน้าผากและจมูก ฝ้าและกระอาจเกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน ซึ่งมักไม่ส่งผลรุนแรงต่อสุขภาพร่างกายและไม่พัฒนาเป็นก้อนเนื้อมะเร็ง แต่อาจทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจเมื่อพบเจอผู้คนได้
[embed-health-tool-ovulation]
ฝ้า กระ เกิดจากอะไร
ฝ้าและกระ อาจเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งเป็นเซลล์ผิวหนังที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน ก่อให้เกิดฝ้าและกระปรากฏบนใบหน้าหรือตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยมีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างเป็นตัวกระตุ้น เช่น
- แสงแดด
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
- สบู่
- เครื่องสำอางที่มีน้ำหอม
- ยากันชัก
- ยากลุ่มเรตินอยด์
- ยาลดความดันโลหิต
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจนเตอโรนในระหว่างการตั้งครรภ์หรือรับประทานยาคุมกำเนิด อาจกระตุ้นให้เมลาโนไซต์ผลิตเม็ดสีเมลานินให้เพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดฝ้า กระ ที่สังเกตได้จากจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ บนผิวหนัง
ฝ้า และ กระ ต่างกันอย่างไร
ฝ้าและกระอาจแตกต่างกันที่ลักษณะของรอยที่ปรากฏบนผิวหนัง โดยฝ้ามักมีลักษณะเป็นปื้นใหญ่สีน้ำตาลหรือเทาที่เข้มกว่าสีผิวปกติ ส่วนใหญ่มักพบบริเวณแก้ม หน้าผาก และริมฝีปากบน แต่กระจะมีลักษณะเป็นจุดกลม ๆ สีน้ำตาลขนาดเล็กและมีขอบชัดเจน พบได้มากบริเวณแก้ม สันจมูก หน้าผาก คอ หน้าอกและหลัง
วิธีรักษาฝ้า กระ
วิธีรักษาฝ้าและกระ มีดังนี้
- กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha hydroxy acids: AHA) ที่เป็นส่วนประกอบในครีมและโลชั่น ใช้เพื่อช่วยลดรอยจุดด่างดำของฝ้าและกระ โดยควรเลือกที่มีความเข้มข้นไม่เกิน 10% เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิวและผิวแสบร้อน โดยใช้ทาผิวบริเวณที่ได้รับผลกระทบวันละ 1-2 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของคุณหมอ สำหรับการทาช่วงเช้าควรทาครีมกันแดดร่วมด้วยเพื่อป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดที่อาจส่งผลให้ฝ้าและกระมีสีเข้มขึ้น
- ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) มีในรูปแบบครีมทาเฉพาะที่ ใช้เพื่อช่วยลดจุดด่างดำจากกระและฝ้า โดยควรทาวันละ 2 ครั้ง หรือตามที่คุณหมอแนะนำ แต่ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนทาด้วยการบีบครีมเล็กน้อยและป้ายลงบนผิวจุดใดจุดหนึ่งและทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแพ้สามารถใช้ได้ตามปกติ แต่หากสังเกตว่ามีอาการคัน ผิวบวม ผิวแดง ควรล้างออกและหยุดใช้ทันที อีกทั้งควรแจ้งให้คุณหมอทราบเพื่อปรับเปลี่ยนยารักษาฝ้าและกระชนิดใหม่
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) มีในรูปแบบเจล ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกทำให้รอยฝ้าและกระดูจางลง โดยควรทาบริเวณที่ได้รับผลกระทบ วันละ 1-2 ครั้ง ก่อนทายาควรทำความสะอาดผิวและซับให้แห้งสนิท หากสังเกตว่ามีอาการคัน ระคายเคือง ผื่นขึ้น แสบร้อนผิวหนัง ควรแจ้งให้คุณหมอทราบทันที
- การเลเซอร์ คือการใช้ลำแสงที่มีความเข้มข้นสูงยิงเข้าสู่ผิวหนังบริเวณที่ได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยลดรอยจุดด่างดำ และทำให้รอยฝ้าและกระดูจางลง แต่อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาบ่อยครั้งและต่อเนื่องตามดุลพินิจของคุณหมอ
วิธีป้องกันฝ้า กระ
วิธีป้องกันฝ้าและกระ อาจทำได้ดังนี้
- ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการตากแดด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่แดดจัด หรือควรสวมเสื้อผ้าที่ปกคลุมผิวหนัง หมวกปีกกว้าง แว่นตากันแดด เพื่อช่วยป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและสบู่ ที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม เพื่อลดการระคายเคืองผิว
- หลีกเลี่ยงการโกนขน แว็กซ์ขน และการขัดผิวรุนแรงบ่อยครั้ง เพราะอาจส่งผลให้ผิวอักเสบและระคายเคือง และอาจทำให้อาการของฝ้าและกระที่เป็นอยู่แย่ลงได้
- หยุดรับประทานยาคุมเมื่อสังเกตว่าเริ่มมีฝ้า กระขึ้นหลังจากรับประทานยา และควรเข้าพบคุณหมออย่างรวดเร็ว