backup og meta

สบู่ล้างหน้าลดสิว ควรมีส่วนผสมอะไร และวิธีป้องกันสิว

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 01/02/2023

    สบู่ล้างหน้าลดสิว ควรมีส่วนผสมอะไร และวิธีป้องกันสิว

    การเลือก สบู่ล้างหน้าลดสิว ที่ให้ผลดี ควรพิจารณาจากส่วนผสมของสบู่เป็นหลัก สบู่ล้างหน้าลดสิวควรมีส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ต้านอักเสบ ลดการสะสมของแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และอาจช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เช่น กรดซาลิไซลิก กรดอัลฟาไฮดรอกซี เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ กำมะถัน ทั้งนี้ ควรใช้สบู่ล้างหน้ารักษาสิวควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมการดูแลผิวหน้า เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยครั้ง ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปก่อนออกแดด วิธีเหล่านี้อาจช่วยลดสิวที่เป็นอยู่และป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้

    ส่วนผสมที่ควรมีใน สบู่ล้างหน้าลดสิว

    การเลือกใช้สบู่ล้างหน้าลดสิวที่มีส่วนผสมต่อไปนี้ อาจช่วยทำความสะอาดผิวหน้า และช่วยบรรเทาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    • กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) เป็นกรดในกลุ่มเบต้า-ไฮดรอกซีหรือบีเอชเอ (Beta Hydroxy Acids หรือ BHAs) ที่มักไม่ทำให้ผิวระคายเคือง มีระดับความเข้มข้นตั้งแต่ 2.5-10% ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว (Keratolytic) มีฤทธิ์สลายก้อนไขมันอุดตัน (Comedolytic) และขจัดผิวที่ตายแล้ว จึงอาจช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน นอกจากนี้ กรดซาลิไซลิกยังออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ จึงช่วยลดสิวอักเสบได้
    • กรดอัลฟาไฮดรอกซีหรือเอเอชเอ (Alpha hydroxy acids หรือ AHAs) เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic acid) กรดแลคติก (Lactic acid) ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งอาจช่วยปรับสภาพผิวหนัง กระชับรูขุมขน และลดเลือนรอยแผลจากสิวได้ นอกจากนี้ กรดอัลฟาไฮดรอกซียังออกฤทธิ์ต้านอักเสบ จึงอาจช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขนที่ก่อให้เกิดสิวใหม่เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
    • เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) ในรูปแบบเจล ครีม โลชั่น โฟมล้างหน้า และสบู่ มีระดับความเข้มข้นตั้งแต่ 2.5-10% โดยทั่วไปมักไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เหมาะกับทุกสภาพผิว เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ออกฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ทั้งยังช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว น้ำมันส่วนเกิน และแบคทีเรียที่อาจทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิว
    • กำมะถัน (Sulfur) มักใช้ร่วมกับส่วนผสมอื่นๆ เช่น เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ กรดซาลิไซลิก ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทั้งยังช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินที่อาจก่อให้เกิดสิว ทั้งนี้ กำมะถันมีกลิ่นมีคล้ายไข่เน่า ผู้ที่ไวต่อกลิ่นอาจทดสอบสบู่ก่อนนำมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์

    ส่วนผสมใน สบู่ล้างหน้าลดสิว ที่ควรหลีกเลี่ยง

    ส่วนผสมในสบู่ล้างหน้าลดสิว ที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันผิวระคายเคือง อาจมีดังนี้

    • แอลกอฮอล์ อาจช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินบนผิวและช่วยกระชับรูขุมขน แต่หากใช้ติดต่อกันนานเกินไป อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง และเสี่ยงเกิดสิวใหม่ได้
    • ซิลิโคน เป็นสารเคลือบผิวที่ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว แต่ก็อาจดักจับความมัน สิ่งสกปรก และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และหากใช้ไปนาน ๆ แล้วไม่ทำความสะอาดผิวให้ดี อาจมีซิลิโคนสะสมในรูขุมขนและทำให้รูขุมขนอุดตัน จนสิวที่เป็นอยู่แย่ลง หรือเกิดสิวใหม่
    • โซเดียมลอริลซัลเฟต (Sodium laureth sulfate) ช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินบนผิวหนัง แต่ก็อาจทำให้ผิวอักเสบและทำให้สิวแย่ลง จึงอาจไม่เหมาะสำหรับผู้เป็นสิว
    • พาราเบน เป็นสารกันบูดที่พบในสกินแคร์บางชนิด ออกฤทธิ์ป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย และยีสต์ที่ทำให้อายุการใช้งานของสกินแคร์หรือเครื่องสำอางลดลง พาราเบนอาจไม่ทำให้สิวที่เป็นอยู่แย่ลง แต่อาจกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำให้สิวเห่อได้
    • น้ำหอม (Fragrance) การใช้สบู่ล้างหน้าลดสิวที่มีส่วนผสมของน้ำหอมความเข้มข้นสูงทั้งแบบธรรมชาติและสังเคราะห์ อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน ทั้งยังอาจทำให้ผิวที่แพ้ง่ายหรือเป็นสิวเกิดอาการระคายเคือง คัน และแสบร้อน

    วิธีดูแลผิวเพื่อป้องกันสิว

    วิธีดูแลผิวเพื่อป้องกันสิว อาจทำได้ดังนี้

  • ควรเช็ดหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง เพื่อขจัดคราบครีมกันแดดและเครื่องสำอาง ก่อนล้างหน้าให้สะอาด และควรล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน เมื่อล้างเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่มและสะอาดซับผิวเบา ๆ ให้พอหมาด แล้วจึงลงสกินแคร์รักษาสิว
  • หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ ระหว่างวัน เพราะอาจทำให้สิ่งสกปรก น้ำมัน และเชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายจากมือสู่ใบหน้าได้ นอกจากนี้ยังควรงดแกะเกาสิวที่เป็นอยู่เดิม เนื่องจากอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและเกิดแผลเป็น
  • ทาครีมกันแดดสูตรบรอดสเปกตรัม (Broad Spectrum) ที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และมีค่า PA ให้ทั่วผิวหน้าและผิวกายก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที เพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB ในแสงแดดที่อาจทำร้ายผิว ทำให้ผิวอ่อนแอและระคายเคืองได้ง่าย
  • สำหรับผู้ที่เป็นสิวง่าย ควรใช้เครื่องสำอางเท่าที่จำเป็น เลือกที่มีฉลากรับรองว่าไม่ก่อให้เกิดสิว (Noncomedogenic) อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดสิวใหม่ และเลือกชนิดวอเตอร์เบส (Water base) ซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบพื้นฐาน ซึมเข้าผิวได้เร็ว และไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือซิลิโคนที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมัน ๆ อาหารขยะอย่างแฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายส์ อาหารที่มีน้ำตาลแปรรูปสูงอย่างน้ำหวาน น้ำอัดลม รวมไปถึงนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว เพราะอาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไปจนมีน้ำมันส่วนเกินที่อาจทำให้สิวที่เป็นอยู่แย่ลงได้ ควรหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด พืชตระกูลถั่ว ในปริมาณที่เหมาะสม
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 01/02/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา