หน้าแห้งลอก อาจเป็นสัญญาณของสภาพผิวที่กำลังฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น แสงแดดเผา ภูมิแพ้ โรคผิวหนัง หรืออาจเกิดจากการรักษาบางชนิด เช่น การรักษาโรคมะเร็ง ยารักษาสิว รวมทั้งอายุที่เพิ่มมากขึ้นก็อาจทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพจนเกิดเป็นอาการหน้าแห้งลอกได้
[embed-health-tool-vaccination-tool]
หน้าแห้งลอก เกิดจากอะไร
หน้าแห้งลอก เป็นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกออกซึ่งเป็นการฟื้นฟูและรักษาผิวตามธรรมชาติจากความเสียหายที่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
- ปัจจัยสภาพแวดล้อม เช่น อาการแห้ง เย็น แสงแดดจัดแผดเผา ผิวระคายเคืองจากการเสียดสี
- การแพ้ทางผิวหนัง เช่น สภาพอากาศ สารเคมี อาหาร แมลงกัดต่อย ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน
- สภาพผิวหนังและโรคผิวหนัง เช่น ผิวแห้ง ผิวหนังอักเสบ โรคกลาก โรคสะเก็ดเงิน โรคเซ็บเดิร์ม โรคน้ำกัดเท้า สังคัง
- การติดเชื้อ เช่น เชื้อแบคทีเรียเสตรปโตคอคคัสชนิดเอ (Streptococcus group A) การติดเชื้อรา เชื้อปรสิต
- โรคบางชนิด เช่น โรคคาวาซากิ โรคผิวหนังลอก ไข้อีดำอีแดง โรคติดเชื้อผิวหนัง โรคหัวใจรูมาติก
- วิธีการรักษา เช่น การรักษาสิว การฉายแสง การฉายรังสี เคมีบำบัด ยาวิตามิน อาหารเสริมสมุนไพรบางชนิด ครีมเรตินอยด์ การลอกผิวด้วยเคมี
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้นผิวจะเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ ผิวบางลง แห้งลอก และน้ำมันบนผิวหนังที่ให้ความชุ่มชื้นก็จะน้อยลงตามไปด้วย
หน้าแห้งลอกมีอาการอย่างไร
อาการหน้าแห้งลอกเป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่าชั้นนอกที่เสื่อมสภาพจากปัจจัยบางประการ เพื่อสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าขึ้นมาทำหน้าที่เป็นชั้นปกป้องผิวจากเชื้อโรคและมลภาวะภายนอก โดยอาการหน้าแห้งลอกที่พบได้บ่อย อาจมีดังนี้
- หน้าแห้งมาก ผิวตึง
- ผิวเป็นขุย หนังลอกเป็นสะเก็ด
- ผิวระคายเคืองและอักเสบ
- ผิวแดง
- อาการคันและอาจแสบร้อนผิว
- อาจมีรอยแตกที่ผิวหนัง หากผิวแตกลึกอาจมีเลือดออกร่วมด้วย
โดยทั่วไปปัญหาหน้าแห้งลอกไม่เป็นอันตราย แต่หากปัญหาผิวแห้งและหน้าแห้งลอกส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตประจำวัน ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยโรคที่อาจเป็นสาเหตุหลักของอาการ และทำการรักษาเพื่อช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น
วิธีการดูแลรักษาหน้าแห้งลอก
การรักษาหน้าแห้งลอกจะขึ้นอยู่กับสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการ ซึ่งวิธีการรักษาก็อาจแตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน โดยคุณหมออาจแนะนำวิธีรักษา ดังนี้
- ยารักษาโรคภูมิแพ้
- ยาปฏิชีวนะและยาต้านเชื้อรา เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ช่วยต้านการอักเสบ กดภูมิคุ้มกัน ลดอาการผื่น คัน บวมและแดง
นอกจากนี้ คุณหมอยังอาจแนะนำวิธีการดูแลตัวเองเพิ่มเติม เพื่อช่วยลดอาการผิวแห้งตึงและบรรเทาอาการหน้าแห้งลอก ดังนี้
- ควรอาบน้ำอุณหภูมิห้องและอาบน้ำไม่เกิน 10-15 นาที เพื่อไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำมันมากเกินไป
- ทาครีมเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะหลังอาบน้ำทันที เพื่อช่วยเติมเต็มและกักเก็บควาชุ่มชื้นในผิว โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันอาการแพ้ หรือหากผิวไหม้แดดควรใช้ว่านหางจระเข้เพื่อบรรเทาอาการไหม้แดด แสบ บวมและแดง
- ดื่มน้ำมาก ๆ โดยควรดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
- หากสภาพอากาศแห้งมากอาจใช้เครื่องทำความชื้นภายในบ้าน เพื่อให้สภาพแวดล้อมไม่แห้งมากเกินไป
- งดการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่มีสารเคมีที่อาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และยังอาจทำให้หลอดเลือดตีบ ซึ่งส่งผลให้เลือดไหลเวียนเพื่อลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงผิวหนังได้ลดลง
- ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดดที่อาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น