หนึ่งในอาการทางสุขภาพที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารที่เรามักจะพบกันได้บ่อย ๆ ก็คือ แผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้หากมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อระบบทางเดินอาหาร แต่ถ้าจู่ ๆ เราก็เป็นแผลในกระเพาะอาหารขึ้นมาล่ะ จะมีวิธีรับมืออย่างไรได้บ้าง หากสงสัยกันล่ะก็ วันนี้ Hello คณหมอ มีสาระน่ารู้และวิธีการรับมือเมื่อ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร มาฝากค่ะ
แผลในกระเพาะอาหารคืออะไร
แผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer) เกิดจากการที่เยื่อบุในกระเพาะอาหารถูกทำลายจากกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร หรือบางครั้งอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (Helicobacter Pylori) การรับประทานยาแอสไพริน การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด หรือแม้แต่การรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัด ก็สามารถก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกัน
แผลในกระเพาะ อาหารสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
- แผลในกระเพาะอาหารที่เกิดขึ้นด้านในของกระเพาะอาหาร (Gastric ulcers)
- แผลในกระเพาะอาหารที่เกิดบนเยื่อบุลำไส้เล็ก (Duodenal ulcer)
อาการของแผลในกระเพาะอาหารเป็นอย่างไร
ผู้ที่เป็น แผลในกระเพาะอาหาร มักจะมีอาการดังต่อไปนี้
- ปวดแสบปวดร้อนในท้อง
- ไม่สบายท้อง
- ท้องอืด
- เรอ
- แน่นหรือเจ็บหน้าอก
- คลื่นไส้และอาเจียน
- ไม่อยากอาหารหรือไม่กระหายน้ำ
- น้ำหนักลด
- อุจจาระมีสีคล้ำหรือมีเลือดปนออกมา
อาการปวดของ แผลในกระเพาะอาหาร สามารถบรรเทาได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวด แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยา อาการปวดก็อาจกลับมาได้อีกครั้ง หรืออาจทำให้มีอาการปวดท้องในตอนกลางคืน
เป็นแผลในกระเพาะอาหาร จะรักษาได้อย่างไร
แผลในกระเพาะอาหาร สามารถหายเองได้ แต่ก็สามารถที่จะกลับมาเป็นอีกครั้งได้เช่นกัน แพทย์จำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุเพื่อที่จะได้ทำการรักษาได้อย่างตรงจุด โดยอาจใช้วิธีการรักษาดังต่อไปนี้
- หากสาเหตุในการเกิด แผลในกระเพาะอาหาร มาจากติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์ก็จะทำการรักษาด้วยการใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- รักษาโดยการให้รับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
- รักษาโดยการให้รับประทานยาเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร
- รักษาโดยการให้รับประทานยาป้องกันเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอักเสบ
อย่างไรก็ตาม แผลในกระเพาะอาหาร อาจรักษาไม่หาย ถ้าหาก
- ไม่รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
- เชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไรเกิดการดื้อยา
- สูบบุหรี่เป็นประจำ
- หากเป็นแผลที่เกิดจากการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นประจำ
- มีการผลิตกรดในกระเพาะอาหารมากจนเกินไป
- หากเป็นแผลที่เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นที่ไม่ใช่เชื้อเอชไพโลไร
- เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
- มีอาการทางสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก เช่น โรคโครห์น (Crohn’s Disease)
วิธีป้องกันไม่ให้ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร
เราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเป็น แผลในกระเพาะอาหาร ได้ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตง่าย ๆ ดังนี้
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
- เลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร และยังอาจรบกวนการทำงานของเยื่อบุในกระเพาะอาหารอีกด้วย
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะก่อให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและลำไส้
- รับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดแต่พอดี เพราะอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อน สามารถก่อให้เกิดการอักเสบในกระเพาะอาหารได้
- ผ่อนคลายความเครียดอยู่เสมอ เพราะความเครียดอาจส่งผลต่อกระเพาะอาหาร และเสี่ยงต่อการอักเสบภายในกระเพาะอาหารได้
เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ
ไปพบคุณหมอทันทีหากคุณมีอาการปวดแสบปวดร้อน หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หรืออาการปวดท้องเนื่องจาก แผลในกระเพาะอาหาร ไม่ดีขึ้นแม้จะรับประทานยาแก้ปวดแล้วก็ตาม เพราะหากปล่อยไว้ไม่ทำการรักษา แผลในกระเพาะอาหาร อาจจะมีอาการรุนแรงขึ้น แล้วนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น
- การตกเลือดภายใน
- กระเพาะอาหารเป็นรู
- การอุดตันในทางเดินอาหาร
- โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
[embed-health-tool-bmr]