ไส้ติ่ง อวัยวะของร่างกาย ที่เป็นแหล่งที่อยู่สำคัญของเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารและลำไส้ อย่างไรก็ตาม หากเกิดความผิดปกติต่อไส้ติ่ง อาจส่งผลให้เกิดภาวะไส้ติ่งอักเสบหรือไส้ติ่งแตก ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น จึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของไส้ติ่ง ไส้ติ่งอยู่ข้างไหน รวมถึงการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันปัญหาไส้ติ่งอักเสบในอนาคต
[embed-health-tool-bmr]
ไส้ติ่งอยู่ข้างไหน ลักษณะเป็นอย่างไร
ไส้ติ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ระหว่างลำไส้เล็กตอนปลายและลำไส้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของทางเดินอาหาร ลักษณะท่อปลายตันยาวประมาณ 3-4 นิ้ว ยื่นออกมาเป็นติ่งอยู่ข้างขวาล่าง บริเวณท้องน้อยด้านขวา
หน้าที่และประโยชน์ของไส้ติ่ง
ไส้ติ่งจะอยู่บริเวณลำไส้ หน้าที่สำคัญของไส้ติ่ง คือ แหล่งเก็บแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร ประโยชน์ที่สำคัญของไส้ติ่งจึงเป็นการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
ผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกดีหรือไม่
แม้ว่าไส้ติ่งจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เมื่อเกิดอาการไส้ติ่งอักเสบก็จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน เพราะโรคไส้ติ่งอักเสบจะเสี่ยงต่อการเกิดไส้ติ่งแตก เมื่อไส้ติ่งเน่าอาจแตกภายใน 24-36 ชั่วโมง เพิ่มความเสี่ยงให้ร่างกายเกิดอันตราย อาจเกิดภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ เสี่ยงต่อภาวะช็อก ดังนั้น ผู้ที่มีความจำเป็นต้องผ่าตัดหน้าท้องอยู่แล้ว อาจปรึกษาแพทย์เพื่อผ่าตัดไส้ติ่งออกไปในคราวเดียวกัน เช่น การผ่าตัดคลอด หรือผ่าตัดเนื้องอก
การผ่าตัดไส้ติ่งนั้น แพทย์จะวินิจฉัยโรคไส้ติ่งอักเสบด้วยการตรวจร่างกาย ตรวจสัญญาณชีพ และตรวจเม็ดเลือด หากมีปริมาณเม็ดเลือดขาวสูงอาจแสดงถึงการอักเสบจากการติดเชื้อได้ หรือแพทย์อาจจะตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT – Scan)
- อัลตราซาวนด์ช่องท้องด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound Upper Abdomen)
- วินิจฉัยด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดไส้ติ่งปกติโดยไม่มีอาการบ่งชี้ของโรคไส้ติ่งอักเสบ อาจไปเพิ่มความเสี่ยงอื่น ๆ ของร่างกายผู้ป่วย เช่น ความเสี่ยงต่อการดมยาสลบ หรือการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดในภายหลัง
วิธีดูแลสุขภาพและป้องกันไส้ติ่งอักเสบ
อาการไส้ติ่งอักเสบเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ไม่อาจทราบสาเหตุที่แน่ชัดได้ การดูแลสุขภาพให้ดีจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคไส้ติ่งอักเสบได้ ดังนี้
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง จำพวกผักและผลไม้ จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคไส้ติ่งอักเสบได้
- หลีกเลี่ยงอาการท้องผูก ดื่มน้ำบ่อย ๆ ตลอดทั้งวัน และรับประทานผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ฝรั่ง ที่ดีต่อระบบขับถ่าย ช่วยป้องกันอาการท้องผูก มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่มากมาย โดยเฉพาะวิตามินซี ส่วนความเชื่อที่ว่า กินเมล็ดฝรั่งทำให้ไส้ติ่งอักเสบนั้น เมล็ดฝรั่งไม่ได้ส่งผลโดยตรงทำให้เป็นไส้ติ่งอักเสบ
สำหรับไส้ติ่งอักเสบนั้น เกิดจากการอุดตันของไส้ติ่งจากต่อมน้ำเหลือง หรือมีสิ่งที่ตกตะกอนในใส้ติ่ง เมื่อมีอาการปวดท้องด้านขวาล่าง อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบได้ ไม่ควรปล่อยไว้นาน หากปล่อยให้เกิดโรคไส้ติ่งอักเสบจะเสี่ยงต่อไส้ติ่งแตกได้ ให้รีบเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งการตัดไส้ติ่งที่อักเสบออกไปจากร่างกายไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ จึงควรเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์