นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากภาวะไม่สมดุลของสารประกอบในน้ำดี เป็นโรคของถุงน้ำดีที่พบได้บ่อย โดยแพทย์จะวินิจฉัยว่ามีนิ่วในถุงน้ำดีได้จากการตรวจอัลตร้าซาวด์ แต่ผู้ป่วยมักจะไม่ทราบว่าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี แต่ก็มีอาการที่พอจะสังเกตได้ นิ่วในถุงน้ําดี อาการ เป็นอย่างไร วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี มีอะไรบ้าง
[embed-health-tool-bmr]
ถุงน้ำดี คืออะไร
ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะในช่องท้อง หน้าที่สำคัญคือการเก็บน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหาร ถุงน้ำดีจะอยู่ติดกับตับที่เป็นอวัยวะผลิตน้ำดี นอกจากจะมีทางติดต่อกับตับแล้ว ถุงน้ำดียังใกล้กับลำไส้เล็กตอนต้น บริเวณที่ปล่อยน้ำดีออกสู่ทางเดินอาหาร
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี
นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากองค์ประกอบในน้ำดีตกตะกอนเวลาดูดซึมน้ำออกไปจากน้ำดี จึงเกิดเป็นภาวะไม่สมดุลของสารประกอบคอเลสเตอรอลและบิลิรูบินในน้ำดี ทำให้เกิดการตกผลึกของคอเลสเตอรอล หินปูนหรือแคลเซียม และบิลิรูบิน สารเคมีที่เกิดจากการแตกตัวหรือการตายของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด ที่มีอยู่ในน้ำดี การตกผลึกของสารเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่ว อาจเกิดเพียงก้อนเดียวหรือหลายก้อนก็ได้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ดังนี้
- พันธุกรรม
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน หรือผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง เพราะผู้ที่มีภาวะอ้วน จะเกิดนิ่วที่มีคอเลสเตอรอลจากการบีบตัวของถุงน้ำดีลดลง
- ฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่มีบุตรแล้ว ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง ทำให้ตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดีในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
- การรับประทานยาลดไขมันบางชนิด อาจทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
- ผู้ที่ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วจนร่างกายละลายไขมันมากเกินไป
นิ่วในถุงน้ําดี อาการ เป็นอย่างไร
อาการของนิ่วในถุงน้ำดี มักจะไม่พบอาการผิดปกติ มักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจเช็คร่างกาย แต่บางรายที่เป็น นิ่วในถุงน้ำดี อาการ โดยเบื้องต้นจะ มีดังนี้
- อาการท้องเฟ้อบริเวณเหนือสะดือ
- เรอ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- มีอาการคล้ายอาหารไม่ย่อย ซึ่งมักเป็นหลังรับประทานอาหารมัน ๆ
นิ่วในถุงน้ำดี อาการ ที่เสี่ยงต่ออันตราย
เมื่อเกิดอาการของนิ่วในถุงน้ำดี อาจตรวจร่างกายเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติ มักไม่มีไข้ แต่อาจตรวจพบอาการกดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใต้ลิ้นปี่และได้ชายโครงขวา แต่หากก้อนนิ่วเคลื่อนไปอุดในท่อส่งน้ำดี อาจมีอาการที่รุนแรงได้ ต้องรีบมาพบแพทย์ เช่น
- มีอาการปวดบิดรุนแรงเป็นพัก ๆ บริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา
- อาจปวดร้าวมาที่ไหล่ขวาหรือบริเวณหลังตรงใต้สะบักขวา
- อาการปวดมักปวดนานเป็นชั่วโมง ๆ
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
- อาการปวดอาจรุนแรงจนเหงื่อออกจนเป็นลม โดยอาการปวดท้องมักเป็นหลังกินอาหารมันหรือกินอาหารมื้อหนัก
- อาจมีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม อาจเกิดขึ้นตามหลังอาการปวดท้อง
วิธีรักษานิ่วในถุงน้ำดี
ปัจจุบันการรักษานิ่วในถุงน้ำดีจะเป็นการผ่าตัด เพราะการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด การผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกเป็นการแก้ปัญหา รวมถึงป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ซึ่งมีอยู่ 2 วิธี ประกอบด้วย
- การผ่าตัดเปิดหน้าท้อง (Open Cholecystectomy) เป็นวิธีผ่าตัดแบบเดิม เลือกใช้ในการผ่าตัดถุงน้ำดีที่มีอาการอักเสบมาก หรือแตกทะลุในช่องท้อง
- การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่านทางช่องท้อง เป็นการผ่าตัดแบบใหม่ โดยการเจาะรูเล็ก ๆ ที่หน้าท้อง (Laparoscopic Cholecystectomy) ถ้าผู้ป่วยไม่มีถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน สามารถทำได้สำเร็จถึงร้อยละ 95 แต่หากถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันเกิน 3 วัน การผ่าตัดวิธีนี้แผลจะมีขนาดเล็กดูแลง่าย โอกาสติดเชื้อน้อยกว่าแผลขนาดใหญ่ อาการปวดแผลน้อยกว่า ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลไม่นานนัก
อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบว่าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี หรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากปล่อยทิ้งไว้ นิ่วในถุงน้ำดีอาการ อาจรุนแรงขึ้น มีการอักเสบ หรือเกิดโรคแทรกซ้อนได้