backup og meta

โรคหัวใจขาดเลือด สาเหตุ อาการ และการรักษา

โรคหัวใจขาดเลือด สาเหตุ อาการ และการรักษา

โรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดหนึ่งที่เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก และเสี่ยงต่อการมีภาวะหัวใจวาย ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งนี้ เพื่อป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลิกสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณจำกัด

[embed-health-tool-heart-rate]

คำจำกัดความ

โรคหัวใจขาดเลือดคืออะไร

โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic Heart Disease) หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นภาวะที่หัวใจขาดออกซิเจน เนื่องจากมีเลือดไหลไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ ส่งผลให้เสี่ยงที่จะหัวใจวายหรือเสียชีวิตได้

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา รายงานว่า โรคหัวใจขาดเลือดเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดที่พบได้บ่อยที่สุด และในปี พ.ศ. 2563 ชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดจำนวน 382,820 ราย

อาการ

อาการของ โรคหัวใจขาดเลือด

เมื่อเป็นโรคหัวใจขาดเลือด จะรู้สึกแน่นหน้าอก บริเวณด้านซ้ายของหน้าอก โดยอาการมักเกิดขึ้นตอนกลางคืนหรือหลังจากออกกำลังกายหรือมีอารมณ์รุนแรง เช่น โกรธ เครียด

โดยทั่วไป อาการแน่นหน้าอกจะหายเองได้ภายในไม่กี่นาที แต่บางรายโดยเฉพาะผู้หญิง อาจมีอาการเจ็บบริเวณคอ แขน หรือหลัง ร่วมด้วย

ทั้งนี้ อาการอื่น ๆ ของโรคหัวใจขาดเลือด ได้แก่

  • หายใจไม่ออก
  • ใจสั่น
  • อ่อนเพลีย
  • เหงื่อออก

นอกจากนี้ โรคหัวใจขาดเลือดยังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

  • หัวใจวาย หรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อบางส่วนของหัวใจได้รับเลือดไม่เพียงพอ ส่งผลให้มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก อ่อนแรง วิงเวียน หน้ามืด และเจ็บตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ขากรรไกร คอ หลัง มือ หัวไหล่ ทั้งนี้ หัวใจวายอาจทำให้เสียชีวิตได้
  • หัวใจล้มเหลว เป็นภาวะที่หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เลือดคั่งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย จนทำให้มีของเหลวสะสมในปอด ผู้ที่หัวใจล้มเหลวจะไอ หายใจไม่ออก ขาและเท้าบวม หัวใจเต้นเร็ว และคลื่นไส้

สาเหตุ

สาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด

โรคหัวใจขาดเลือดมีสาเหตุมาจากภาวะหลอดเลือดแข็ง หรือเนื่องจากไขมัน คอเลสเตอรอล หรือสสารต่าง ๆ เข้าไปสะสมในเลือด แล้วทำให้หลอดเลือดแคบลงหรืออุดตัน จนระบบหมุนเวียนเลือดมีปัญหาและไม่สามารถส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้

โดยทั่วไป โรคหัวใจขาดเลือด รวมถึงภาวะหลอดเลือดแข็ง มักเกิดกับกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้

  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่สูบบุหรี่
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน ไม่ชอบเคลื่อนไหวร่างกาย
  • ผู้ที่รับประทานอาหารซึ่งอุดมไปด้วยไขมัน เกลือ น้ำตาล
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง
  • ผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอ
  • ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
  • ผู้ที่มีสารโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ในร่างกายสูง

เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ

หากมีสัญญาณหรือภาวะที่บ่งบอกว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ควรรีบไปพบคุณหมอ เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

การวินิจฉัยและการรักษาโรค

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์ทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัย โรคหัวใจขาดเลือด

โรคหัวใจขาดเลือดรักษาได้หลายวิธี เช่น

  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram) เป็นการตรวจการทำงานของหัวใจ รวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อพิจารณาว่ามีภาวะหัวใจวายหรือไม่
  • การบันทึกภาพหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสร้างภาพของหัวใจที่กำลังเต้น เพื่อดูว่าเลือดไหลผ่านหัวใจหรือลิ้นหัวใจอย่างไร
  • การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย (Exercise Stress Test) เป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจในขณะที่เดินบนสายพานหรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ ทั้งนี้ หากออกกำลังกายไม่ได้ คุณหมอจะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจหลังให้รับประทานยากระตุ้นหัวใจแทน
  • ซีที สแกน (Computerized Tomography หรือ CT Scan) เพื่อมองหาภาวะอุดตันของหลอดเลือด รวมถึงภาวะแคลเซียมสะสมในหลอดเลือดซึ่งส่งผลให้หลอดเลือดแคบลง และนำไปสู่ภาวะโรคหัวใจขาดเลือดได้

การรักษา โรคหัวใจขาดเลือด

ปกติแล้ว คุณหมอจะรักษาโรคหัวใจขาดเลือด ด้วยการจ่ายยาดังต่อไปนี้

  • ยาลดคอเลสเตอรอล เช่น ยากลุ่มสแตติน (Statin) อย่างอะโทวาสแตติน (Atorvastatin) หรือโรสุวาสแตติน (Rosuvastatin)
  • ยาลดความดันโลหิต เช่น ยากลุ่มเบตา บล็อกเกอร์ (Beta Blocker) ซึ่งออกฤทธิ์ลดยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนเอดริแนฟรีน (Adrenaline) ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตลดลง ทั้งนี้ หากยากลุ่มเบตา บล็อกเกอร์ใช้ไม่ได้ผล คุณหมอจะจ่ายยาแคลเซียม แชนแนล บล็อกเกอร์ (Calcium Channel Blocker) ให้รับประทานแทน
  • ยาบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก เช่น ยาไนเตรต (Nitrate) ซึ่งมีฤทธิ์ผ่อนคลายหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลงและอาการเจ็บหน้าอกดีขึ้นในเวลาเดียวกัน
  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin) โคลพิโดเกรล (Clopidogrel) ไรวาร็อกซาแบน (Rivaroxaban)

นอกจากนี้ บางกรณีคุณหมออาจเลือกรักษาโรคหัวใจขาดเลือดด้วยการผ่าตัด ดังนี้

  • ผ่าตัดสอดสายสวนเข้าหลอดเลือดหัวใจ เป็นการสอดสายสวนขนาดเล็กเข้าไปยังหลอดเลือดที่แคบลงหรืออุดตัน แล้วสอดบอลลูนตามเข้าไป เพื่อทำให้หลอดเลือดขยายกว้างขึ้น บางครั้ง คุณหมอจะสอดขดลวดถ่างขยาย (Stent) เข้าไปหลังจากนั้นด้วย เพื่อป้องกันหลอดเลือดแคบลงหรืออุดตัน
  • ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ เป็นการผ่าตัดนำหลอดเลือดที่สุขภาพดีจากส่วนอื่นของร่างกาย ไปเชื่อมต่อกับหลอดเลือดที่อุดตันและหัวใจ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังหัวใจผ่านทางเส้นเลือดนี้ โดยทั่วไป การผ่าตัดวิธีนี้นิยมใช้ในผู้ที่มีหลอดเลือดแคบลงหรืออุดตันจำนวนมาก
  • การปลูกถ่ายหัวใจ เป็นการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ โดยนำหัวใจของผู้บริจาคมาปลูกถ่ายแทนหัวใจเดิมของผู้ป่วย คุณหมอจะเลือกการผ่าตัดวิธีนี้ก็ต่อเมื่อหัวใจเสียหายอย่างหนัก ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา หรือมีภาวะหัวใจล้มเหลว

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

เพื่อป้องกัน โรคหัวใจขาดเลือด ควรปฏิบัติตัวดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันอิ่มตัว เช่น ไส้กรอก เนื้อติดมัน เนย น้ำมันหมู ครีม ขนมอบ น้ำมันปาล์ม เพราะทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสุขภาพของหลอดเลือดและหัวใจให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงมีภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หรือค่าดัชนีมวลกายไม่เกิน 25
  • งดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของภาวะหลอดเลือดแข็ง
  • จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยกว่า 14 แก้ว/สัปดาห์
  • ควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินไป หรือไม่เกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ อาหารไขมันต่ำ อาหารรสจืดหรือปราศจากโซเดียม
  • รับประทานยาตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

What is Ischaemic Heart Disease?. https://www.victorchang.edu.au/ischaemic-heart-disease. Accessed January 16, 2023

Coronary heart disease. Prevention. https://www.nhs.uk/conditions/coronary-heart-disease/prevention/. Accessed January 16, 2023

Silent Ischemia and Ischemic Heart Disease. https://www.heart.org/en/health-topics/heart-attack/about-heart-attacks/silent-ischemia-and-ischemic-heart-disease. Accessed January 16, 2023

Ischemic Heart Disease. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK209964/#:~:text=Ischemic%20means%20that%20an%20organ,blood%20to%20the%20heart%20muscle. Accessed January 16, 2023

Heart Disease Facts. https://www.cdc.gov/heartdisease/facts.htm. Accessed January 16, 2023

What Is Coronary Heart Disease?. https://www.nhlbi.nih.gov/health/coronary-heart-disease. Accessed January 16, 2023

Heart failure. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/heart-failure/symptoms-causes/syc-20373142#:~:text=Heart%20failure%20occurs%20when%20the,of%20the%20legs%20and%20feet. Accessed January 16, 2023

Coronary artery disease. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/coronary-artery-disease/diagnosis-treatment/drc-20350619. Accessed January 16, 2023

Cardiovascular diseases (CVDs). https://www.who.int/en/news-room/fact-sheets/detail/cardiovascular-diseases-(cvds). Accessed January 16, 2023

Heart Attack Symptoms, Risk, and Recovery. https://www.cdc.gov/heartdisease/heart_attack.htm#:~:text=A%20heart%20attack%2C%20also%20called,main%20cause%20of%20heart%20attack. Accessed January 16, 2023

Heart attack. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/heart-attack/symptoms-causes/syc-20373106. Accessed January 16, 2023

10 ways to control high blood pressure without medication. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/high-blood-pressure/in-depth/high-blood-pressure/art-20046974. Accessed January 16, 2023

เวอร์ชันปัจจุบัน

24/01/2023

เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

อาการโรคหัวใจ ปัจจัยเสี่ยงและวิธีดูแลสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาการ สาเหตุ และการรักษา


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 24/01/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา