วิธีสลายไขมันมักมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามความชอบ ความสะดวก และกำลังทรัพย์ของแต่ละคน บางครั้งก็สามารถทำได้ด้วยวิธีธรรมชาติ อย่างการเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ หรือการออกกำลังกาย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลา และความอดทนอยู่พอสมควร แต่ในผู้คนบางกลุ่มมักใช้เทคโนโลยีของการแพทย์ด้านความงามเข้าช่วย เพราะทำให้ประหยัดเวลาได้มากขึ้น อย่างการฉีด เมโสเธอราพี วันนี้ Hello คุณหมอ ความรู้มาให้สาวๆ หนุ่มๆ ที่อยากจะมีหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม นำไปประกอบการตัดสินใจกัน
เมโสเธอราพี (Mesotherapy) คืออะไร
เมโสเธอราพี หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากสั้นๆ ว่า “เมโส’ เป็นการรวบรวมวิตามิน เอนไซม์ ฮอร์โมน และสารสกัดจากพืชบางชนิดเพื่อฉีดฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูกระชับขึ้น รวมถึงการกำจัดไขมันส่วนเกิน ถูกคิดค้นขึ้นในปีค.ศ. 1952 โดยนายแพทย์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Michel Pistor และนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
การทำเมโสเธอราพี นอกจากจะช่วยขจัดไขมันแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในด้านการเสริมความงาม และปรับปรุงสุขภาพผิวได้อีก ดังนี้
ข้อเปรียบเทียบของ การดูดไขมัน Vs ฉีดเมโสเธอราพี ก่อนการตัดสินใจ
การดูดไขมันส่วนเกิน มักจะดูดในบริเวณส่วนของด้านหลัง ต้นขา และหน้าท้อง โดยการให้คุณดมยาสลบเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยสอดหลอดดูดผ่านผิวหนัง หรือใต้ผิวหนังที่แพทย์ศัลยกรรมด้านความงามได้กำหนดตำแหน่งไว้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวหนังของคุณมีสีที่ไม่สม่ำเสมอกัน และอาจสร้างความเสียหายแก่หลอดเลือด รวมถึงไขมันอาจมีการก่อตัวขึ้นมาใหม่ได้ หากละเลยการดูแลสุขภาพ
ส่วนการใช้เมโสเธอราพี นั้น แม้ต้องทำการเข้าฉีดหลายครั้ง แต่ผิวของคุณจะไม่มีร่องรอยบนผิวหนังที่ใหญ่เท่ากับการดูดไขมัน ผลลัพธ์อาจไม่รวดเร็ว หรือเห็นผลทันที เพราะเทคนิคนี้ ไม่ได้เป็นการดูดครั้งเดียวจบ แต่เป็นการค่อยๆ ฉีดเพื่อให้ไขมันสลายตัว
ผลข้างเคียงของการฉีดเมโสเธอราพี มีอะไรบ้าง
แน่นอนว่า การฉีดเมโสเธอราพี หรือการนำสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกายมักมีผลข้างเคียงตามมาเสมอ ดังนี้
- รู้สึกปวดบริเวณที่ฉีด
- มีอาการบวม
- คัน ระคายเคือง
- ผื่นขึ้น
- ร่องรอยแผลเป็น
- รอยช้ำ
- เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง
อาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้มาก หรือน้อย ขึ้นอยู่กับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ซึ่งคุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจ เพราะอาจนำมาสู่อันตรายร้ายแรงต่อร่างกายได้
[embed-health-tool-bmi]