กลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด (Antiphospholipid Syndrome) เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของการสร้างแอนติบอดี้ ส่งผลให้เลือดจับตัวเป็นก้อนตามบริเวณอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ไต ปอด สมอง นอกจากนี้หากสตรีมีครรภ์อยู่ในภาวะต้านฟอสโฟลิพิด อาจส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรได้
คำจำกัดความ
กลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด (Antiphospholipid Syndrome) คืออะไร
กลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด (Antiphospholipid Syndrome) เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของการสร้างแอนติบอดี้ ส่งผลให้เลือดจับตัวเป็นก้อนตามบริเวณอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ไต ปอด สมอง นอกจากนี้หากสตรีมีครรภ์อยู่ในภาวะต้านฟอสโฟลิพิด อาจส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรได้
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษากลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิดที่แน่ชัด แต่การรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดแข็งตัวได้
พบได้บ่อยเพียงใด
อาการของกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิดพบได้บ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น โรคลูปัส (Lupus) หรือกลุ่มอาการโจเกรน (Sjogren’s Syndrome)
อาการ
อาการของกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด
ผู้ป่วยที่อยู่กลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด จะมีอาการดังต่อไปนี้
- เลือดอุดตันที่ขา เช่น อาการปวดและบวมแดง
- การแท้งบุตรบ่อย ๆ หรือปัญหาในการคลอดบุตร รวมถึงปัญหาภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น ความดันโลหิตสูง ครรภ์เป็นพิษ
- ผื่น มีอาการผื่นแดงขึ้นตามบริเวณร่างกาย
- โรคหลอดเลือดสมอง
- อาการทางระบบประสาท เช่น อาการปวดศีรษะ ไมเกรน ภาวะสมองเสื่อมและอาการชัก
- เลือดออกเป็นระยะๆ โดยเฉพาะบริเวณจมูกและเหงือก นอกจจากนี้อาจมีเลือดออกที่ผิวหนัง ซึ่งจะปรากฏเป็นจุดสีแดงๆ เล็กๆ เป็นหย่อมๆ
ควรไปพบหมอเมื่อใด
หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด
สาเหตุของกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ผลิตแอนติบอดี้ผิดพลาด ซึ่งส่งผลให้เลือกจับตัวเป็นก้อน อาจส่งผลให้เกิดโรคหรือติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด
ปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด มีดังนี้
- เพศ พบได้บ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
- ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ภาวะภูมิแพ้ตัวเอง โรคลูปัสหรือกลุ่มอาการของโรคโจเกรน
- การติดเชื้อ พบได้บ่อยในผู้ที่ติดเชื้อบางชนิด เช่น ซิฟิลิส เอชไอวี เอดส์ ไวรัสตับอักเสบ และโรคไลม์ เป็นต้น
- ยายางชนิด เช่น ยาสำหรับรับประทานโรคความดันโลหิตสูง ยาควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ยาป้องกันอาการชัก
- ประวัติครอบครัว หากสมาชิกในครอบครัวเคยอยู่ในกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด อาจเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด
การวินิจฉัยกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด ในเบื้องต้นแพทย์จะนำเลือดของผู้ป่วยมาตรวจเพื่อตรวจหาความผิดปกติ หากพบความผิดปกติแพทย์จะตรวจอีกครั้งเพื่อยืนยันการวินิจฉัยของโรค
การรักษากลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด
โดยส่วนใหญ่แพทย์มักตรวจพบแอนติบอดี้ต่อต้านฟอสโฟลิพิดหลังจากพบการแข็งตัวของเลือดหรือภาวะแท้งซ้ำๆ ดังนั้นเป้าหมายหลักของการรักษาคือการบำบัดหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้อีกครั้ง โดยมีวิธีการรักษาดังนี้
- วิธีการรักษาที่เกิดจากการแข็งตัวของเลือด แพทย์อาจเริ่มจากการฉีดยาเฮพาริน (Heparin) เพื่อต้านการแข็งตัวของเลือด ร่วมกับการรับประทานยาวาร์ฟาริน (Warfarin) ในกรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงแพทย์อาจต้องฉีดยาเพื่อรีบป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด
- วิธีการรักษาผู้ป่วยสตรีมีครรภ์หรือวางแผนคลอดบุตร แพทย์อาจเริ่มจากการฉีดยาเฮพาริน (Heparin) และให้รับประทานยาแอสไพริน (Aspirin) ในปริมาณน้อย เพื่อป้องกันการแท้งบุตร
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อรักษากลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อรักษากลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด มีดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ปรึกษาหมอเป็นประจำเพื่อติดตามอาการอยู่เสมอ
[embed-health-tool-bmi]