ไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญออกมาไม่เพียงพอ โดยต่อมไทรอยด์นี้ตั้งอยู่บริเวณส่วนด้านล่างลำคอ ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเข้าไปในกระแสเลือด
คำจำกัดความ
ไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) คืออะไร
ไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญออกมาไม่เพียงพอ โดยต่อมไทรอยด์นี้ตั้งอยู่บริเวณส่วนด้านล่างลำคอ ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเข้าไปในประแสเลือด
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า โรคไฮโปไทรอยด์ส่งผลกระทบต่อทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่หัวใจไปยังสมอง และจากกล้ามเนื้อไปถึงผิวหนัง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้
- ปวดข้อ
- ภาวะอ้วน
- ภาวะมีบุตรยาก
- โรคหัวใจ
พบได้บ่อยเพียงใด
ภาวะไฮโปไทรอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่มักพบในผู้สูงอายุเพศหญิงที่อายุ 60 ปี
อาการ
อาการ ภาวะไฮโปไทรอยด์
ในช่วงแรกผู้ป่วยที่อยู่ใน ภาวะไฮโปไทรอยด์ อาจไม่มีอาการแสดงให้เห็น แต่จะรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย น้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งเราอาจคิดว่าเป็นแค่เพียงอาการอ่อนเพลียทั่วไป เราอาจจะเห็นสัญญาณและอาการที่ชัดเจนขึ้น โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้
- ท้องผูก
- ผิวแห้ง
- น้ำหนักเพิ่มขึ้น
- หน้าบวม
- เสียงแหบ
- ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น
- กล้ามเนื้อมีอาการปวด กดเจ็บ และแข็งเกร็ง
- มีอาการปวด แข็งเกร็ง หรือบวมที่ข้อต่อ
- มีประจำเดือนมากกว่าปกติหรือผิดปกติ
- ผมบาง
- หัวใจเต้นช้า
- ซึมเศร้า
- ความจำเสื่อม
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ผมบาง
- ท้องบวมมาก
กรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หรืออยู่ในภาวะมิกซีดีมา (Myxedema) จะมีลักษณะอาการความดันโลหิตต่ำ อุณหภูมิในร่างกายลดลง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ควรไปพบหมอเมื่อใด
หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุ ภาวะไฮโปไทรอยด์
สาเหตุส่วนใหญ่ของ ภาวะไฮโปไทรอยด์ เกิดจากการอักเสบของต่อมไทรอยด์ ต่อมไทรอยด์จึงไม่สามารถผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมาได้เพียงพอ รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เมื่อระบบภูมิคุ้มกันสร้างแอนติบอดี (Antibody) ขึ้นมาทำลายเนื้อเยื่อของตัวเอง จนนำไปสู่ภาวะขาดไทรอยด์
- ผลข้างเคียงจากการรักษาต่อมไทรอยด์ ผู้ป่วยที่มีภาวะไทรอยด์มากเกินไป จะต้องได้รับการักษาด้วยการฉายรังสี หรือรับประทานยาต้านไทรอยด์ ซึ่งการรักษาดังกล่าวข้างต้นนี้ อาจนำไปสู่ภาวะไทรอยด์ได้
- การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ การผ่าตัดต่อมไทรอยด์อาจส่งผลให้ร่างกายหยุดการสร้างฮอร์โมน (ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยาฮอร์โมนไทรอยด์ไปตลอดชีวิต)
- การรักษาด้วยรังสี การฉายรังสีใช้ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่ศีรษะและลำคอ ซึ่งอาจส่งผลต่อต่อมไทรอยด์และอาจนำไปสู่ภาวะขาดไทรอยด์
- ยาบางชนิด การยาบางชนิดที่อาจนำไปสู่ภาวะขาดไทรอยด์ เช่น ยาลิเทียม (Lithium) เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงของภาวะไฮโปไทรอยด์
- เพศหญิง
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
- สมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นไทรอยด์
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคเบาหวานชนิดที่ 1
- ได้รับการฉายรังสีที่คอ หรือหน้าอก
- เคยผ่าตัดต่อมไทรอยด์
- ตั้งครรภ์ หรือคลอดทารกภายใน 6 เดือน
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยภาวะไฮโปไทรอยด์
ในเบื้องต้นแพทย์จะตรวจเลือดเพื่อตรวจระดับฮอร์โมน รวมถึงการตรวจฮอร์โมนทีเอสเอชเพื่อดูระดับฮอร์โมนไทรอยด์
การรุักษาภาวะไฮโปไทรอยด์
หากผู้ป่วยมีภาวะไฮโปไทรอยด์แพทย์อาจแนะนำให้ตัดเอาไทรอยด์ออก แต่ต้องทายาฮอร์โมนไทรอยด์ตลอดชีวิต เพื่อรักษาระดับฮอร์โมนไทรอยด์ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น ยาเลโวไทรอกซิน (Levothyroxine) ซึ่งเป็นยาสังเคราะห์สำหรับรับประทาน จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนในร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อบรรเทาอาการไฮโปไทรอยด์
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง เพื่อบรรเทาอาการไฮโปไทรอยด์ สามารถทำได้ด้วยการเฝ้าสังเกตสัญญาณของโรคเพื่อรักษาได้อย่างทันท่วงที บางคนอาจจะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะขาดไทรอยด์สูงแต่ไม่มีอาการ อาจทำการตรวจเพื่อดูว่ามีภาวะขาดไทรอยด์ในระดับเบาหรือเกือบมีอาการ (Subclinical) หรือไม่หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำความเข้าใจให้ดีขึ้นถึงทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
[embed-health-tool-bmi]