backup og meta

โรคคอพอก เกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไร

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 14/12/2022

    โรคคอพอก เกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไร

    โรคคอพอก (Goiter) เป็นความผิดปกติเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ ส่งผลให้ต่อมไทรอยด์บวมกว่าปกติ โดยมีสาเหตุมาจากร่างกายขาดไอโอดีน รวมถึงโรคบางอย่างและการตั้งครรภ์ ทั้งนี้ โรคคอพอกสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการรับประทานยาและการผ่าตัด

    โรคคอพอกคืออะไร

    โรคคอพอกเป็นการบวมของต่อมไทรอยด์ หรือต่อมไร้ท่อบริเวณลำคอ ซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพื่อควบคุมการเผาผลาญพลังงานจากอาหาร ให้สอดคล้องกับระดับพลังงานที่ร่างกายต้องการ

    โดยทั่วไป โรคคอพอกมักสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่าปกติ หรือที่เรียกว่าภาวะไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (Hyperthyroidism) และภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism)

    โรคคอพอก มีอาการอย่างไร

    เมื่อเป็นโรคคอพอก ต่อมไทรอยด์จะมีอาการบวมจนเห็นได้ชัด หรืออาจบวมจากเดิมเล็กน้อยจนยากที่จะสังเกตเห็น

    นอกจากนี้ อาการอื่น ๆ ของโรคคอพอกมีทั้งอาการที่พบบ่อยและอาการที่พบได้ไม่บ่อย ได้แก่

    อาการที่พบบ่อย มีดังนี้

    • รู้สึกแน่นในลำคอ
    • เสียงแหบ
    • หลอดเลือดบริเวณลำคอบวม
    • วิงเวียน เมื่อยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ

    อาการที่พบได้ไม่บ่อย

    • หายใจลำบาก
    • หายใจมีเสียงหวีด
    • ไอ
    • กลืนอาหารได้ลำบาก

    หากมีภาวะไทรอยด์ทำงานมากเกินไปหรือภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ร่วมด้วย จะมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย

    ภาวะไทรอยด์ทำงานมากเกินไป มีอาการดังนี้

    • น้ำหนักลด
    • หัวใจเต้นเร็ว
    • เหงื่อออกมาก
    • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
    • นอนหลับยาก
    • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
    • ความดันโลหิตสูง
    • หิวบ่อย

    ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ มีอาการดังนี้

    • อ่อนเพลีย
    • ง่วงนอนมากกว่าปกติ
    • ผิวแห้ง
    • ท้องผูก
    • มีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำหรือไม่มีสมาธิ

    โรคคอพอก เกิดจากสาเหตุอะไร

    โรคคอพอกเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    • ร่างกายขาดไอโอดีน (Iodine) ไอโอดีนเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ เมื่อได้รับไอโอดีนไม่เพียงพอ ต่อมใต้สมองจะกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้ต่อมไทรอยด์มีขนาดใหญ่กว่าเดิม
    • โรคฮาชิโมโตะ (Hashimoto’s Disease) เป็นโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อของตนเอง ซึ่งเมื่อเป็นแล้วต่อมไทรอยด์จะเสียหาย  อักเสบ และผลิตฮอร์โมนได้น้อยลง จนต่อมใต้สมองต้องกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานหนักกว่าเดิมและมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
    • โรคเกรฟส์ (Graves’ Disease) เป็นโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อของตนเอง ซึ่งกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากกว่าปกติ หรือมีภาวะไทรอยด์ทำงานมากเกินไป และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
    • การตั้งครรภ์ ฮอร์โมนฮิวแมน คอริโอนิก โกนาโดโทรฟิน (Human Chorionic Gonadotropin) ซึ่งร่างกายหลั่งออกมาเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและการตกไข่ของผู้หญิง สามารถทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานหนักขึ้น หรือบวมขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยได้
    • ต่อมไทรอยด์อักเสบ เนื่องจากโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อของตนเอง การติดเชื้อ หรือการใช้ยาบางชนิด ทำให้ต่อมไทรอยด์บวม และมีภาวะไทรอยด์ทำงานมากเกินไปหรือพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ได้
    • มะเร็งไทรอยด์ เป็นความผิดปกติของไทรอยด์ที่พบได้ไม่บ่อยนัก หรือประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของเนื้องอกทั้งหมดที่พบบริเวณไทรอยด์ มะเร็งไทรอยด์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้ที่มีประวัติถูกฉายรังสีขณะเป็นทารกหรือเป็นเด็ก รวมถึงผู้ที่เคยเป็นโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์

    โรคคอพอกรักษาได้อย่างไร

    วิธีการรักษาโรคคอพอกนั้นขึ้นอยู่กับอาการบวมของต่อมไทรอยด์ หากต่อมไทรอยด์บวมไม่มาก คุณหมอจะแนะนำให้รอดูอาการหรือปล่อยให้โรคคอพอกค่อย ๆ หายเอง แต่หากต่อมไทรอยด์มีขนาดใหญ่ หรือส่งผลต่อการดำเนินชีวิต คุณหมอจะเลือกรักษาด้วยวิธีการต่อไปนี้

    • เพิ่มการผลิตฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ ในกรณีที่พบอาการของภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ ด้วยการให้ยาลีโวไทร็อกซีน (Levothyroxine)
    • ลดการผลิตฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ที่มากเกินไป หากมีภาวะไทรอยด์ทำงานมากเกินไป โดยคุณหมอจะจ่ายยาอย่างเมไทมาโซล (Methimazole) อะทีโนลอล (Atenolol) หรือเมโทโพรลอล (Metoprolol) ให้คนไข้รับประทาน
    • ให้สารไอโอดีนที่เป็นกัมมันตรังสี (Radioactive Iodine Therapy) ในรูปแบบน้ำหรือแคปซูล เป็นการรักษาภาวะไทรอยด์ทำงานมากเกินไปรวมถึงมะเร็งไทรอยด์ โดยสารไอโอดีนจะออกฤทธิ์กำจัดเซลล์ร้ายของต่อมไทรอยด์ ทำให้ต่อมไทรอยด์ที่บวมอยู่มีขนาดเล็กลง
    • ผ่าตัด เป็นการนำต่อมไทรอยด์บางส่วนหรือทั้งหมดออกจากร่างกาย คุณหมออาจเลือกรักษาด้วยวิธีนี้หากพบก้อนบวมบริเวณต่อมไทรอยด์ หรือเป็นโรคมะเร็งไทรอยด์ หรือเมื่อต่อมไทรอยด์บวมจนผู้ป่วยหายใจหรือกลืนอาหารได้ลำบาก ทั้งนี้ หลังผ่าตัดแล้ว ผู้ป่วยต้องได้รับฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนตลอดชีวิต

    โรคคอพอก ป้องกันได้อย่างไร

    โรคคอพอกเกิดจากหลายสาเหตุ แต่อาจป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีไอโอดีนเพื่อให้ร่างกายได้รับไอโอดีนที่จำเป็นต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์เพียงพอ เช่น อาหารทะเล สาหร่าย ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนม ทั้งนี้ ร่างกายควรได้รับปริมาณไอโอดีน 140 ไมโครกรัมต่อวัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 14/12/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา