backup og meta

5 ประโยชน์ของ กระเทียม และผลข้างเคียงในการบริโภค

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 16/11/2022

    5 ประโยชน์ของ กระเทียม และผลข้างเคียงในการบริโภค

    กระเทียม เป็นพืชในตระกูลเดียวกับหัวหอม มักนิยมนำมาใช้ในการปรุงอาหาร แต่ละหัวมีประมาณ 10-20 กลีบ กระเทียมมีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุนานาชนิด เช่น วิตามินซี ซีลีเนียม (Selenium) สารอัลลิซิน (Allicin) จึงอาจมีสรรพคุณบรรเทาอาการและมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอล ทั้งยังอาจช่วยเสริมสุขภาพกระดูก และอาจช่วยต้านมะเร็งได้ด้วย

    คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียม

    กระเทียมมีคุณค่าทางโภชนาการ และมีแคลอรี่น้อย โดยกระเทียม 1 กลีบ ประกอบด้วย

    • พลังงาน 4.5 แคลอรี่
    • โปรตีน 0.2 กรัม
    • คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม
    • แมงกานีส 2% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนําให้บริโภคในแต่ละวัน
    • วิตามินบี 6 2% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนําให้บริโภคในแต่ละวัน
    • วิตามินซี 1% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนําให้บริโภคในแต่ละวัน
    • ซีลีเนียม 1% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนําให้บริโภคในแต่ละวัน

    นอกจากนั้น ยังมีสารอาหารอื่น ๆ เช่น ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส 

    5 ประโยชน์ของกระเทียม

    กระเทียมมีสารอัลลิซิน ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัว ทั้งยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ ดังนี้

    อาจช่วยป้องกันไข้หวัด

    การรับประทานกระเทียมอาจช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และอาจทำให้อาการไข้หวัดดีขึ้น จากการวิจัยชิ้นหนึ่งของ The Cochrane Database of Systematic Reviews พ.ศ. 2564 ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระเทียมในการป้องกันหรือรักษาโรคไข้หวัด ในอาสาสมัคร 146 ราย พบว่า ผู้ที่ได้รับประทานอาหารเสริมกระเทียมวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ป่วยเป็นโรคไข้หวัดลดลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก จึงอาจสรุปได้ว่า การบริโภคอาหารเสริมจากกระเทียมอาจช่วยป้องกันไข้หวัด ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้กระเทียมเพื่อป้องกันหวัด ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของกระเทียม

    อาจช่วยปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอล

    กระเทียมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมและไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในสารวาร Nutrition Reviews พ.ศ. 2556 ศึกษาเกี่ยวกับผลของกระเทียมต่อไขมันในเลือด โดยไขมันในเลือดสูงมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดโรคหัวใจ พบว่า ผู้ที่มีอายุ 50 ปี และมีระดับคอเลสเตอรอล 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังรับประทานกระเทียมเป็นเวลา 2 เดือน มีระดับของคอเลสเตอรอลทั้งหมดในเลือดลดลง 8% ซึ่งสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ 38%

    นอกจากนั้น กระเทียมอาจมีประสิทธิภาพในการลดคอเลสเตอรอลรวมได้ประมาณ 6 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และอาจช่วยลดคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำได้ประมาณ 6 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จึงอาจกล่าวได้ว่า กระเทียมอาจมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลและเป็นสมุนไพรที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีคอเลสเตอรอลสูง

    อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง

    สารประกอบออร์กาโนซัลเฟอร์ (Organosulfur) ที่พบในกระเทียม อาจมีประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์เนื้องอกไกลโอบลาสโตมา (Glioblastomas) ซึ่งเป็นเนื้องอกในสมองชนิดร้ายแรง โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Cancer พ.ศ. 2550 ศึกษาเกี่ยวกับสารประกอบออร์กาโนซัลเฟอร์ที่ได้มาจากกระเทียม พบว่า สารประกอบออร์กาโนซัลเฟอร์ที่ได้มาจากกระเทียม 3 ชนิด คือ ไดอัลลิล ซัลไฟด์ (Diallyl Sulfide) ไดอัลลิล ไดซัลไฟด์ (Diallyl Disulfide) ไดอัลลิล ไตรซัลไฟด์ (Diallyl Trisulfide) อาจมีส่วนช่วยป้องกันการก่อมะเร็ง นอกจากนั้น สารประกอบในกระเทียมยังทำให้เซลล์เนื้องอกไกลโอบลาสโตมามีวงจรชีวิตสั้นลงและอาจมีส่วนทำให้เซลล์ตายลงอย่างช้า ๆ

    อาจช่วยปรับปรุงสุขภาพกระดูก

    ผู้หญิงที่รับประทานผักซึ่งอุดมไปด้วยสารอัลลิซินมีความเสี่ยงต่ำในการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม จากการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Dietary Supplements พ.ศ. 2555 ศึกษาเกี่ยวกับผลของกระเทียมอัดเม็ดต่อไซโตไคน์ (Cytokines) ที่ก่อให้เกิดการอักเสบในสตรีวัยหมดประจำเดือนที่เป็นโรคกระดูกพรุนจำนวน 44 ราย พบว่า ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่เป็นโรคกระดูกพรุนแล้วรับประทานกระเทียมรูปแบบอัดเม็ด 2 เม็ดทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน มีค่าเฉลี่ยของสารไซโตไคน์ลดลงประมาณ 47% อย่างมีนัยสำคัญ 

    นอกจากนั้น งานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นที่ตีพิมพ์ในวารสาร BMC Musculoskeletal Disorders พ.ศ. 2553 ศึกษาเกี่ยวกับกระเทียมในอาหารและโรคข้อเข่าเสื่อมในฝาแฝดเพศหญิงช่วงอายุ 46-77 ปี พบว่า การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และสมุไพร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หัวหอม กระเทียม หอมแดง ซึ่งมีสารอัลลิซิน อาจช่วยป้องกันโรคข้อสะโพกเสื่อมได้ 

    ข้อควรระวังสำหรับการบริโภคกระเทียม

    แม้กระเทียมจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็มีข้อควรระวังในการบริโภค ดังนี้

  • ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร 
  • รับประทานยาชนิดอื่นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งคุณหมอ ยาที่ซื้อได้เอง  ยาต้านไวรัสเอชไอวี ยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะ เช่น อโซไนอาซิด (Isoniazid)
  • มีอาการแพ้สารในกระเทียม แพ้ยาชนิดอื่น หรือแพ้สมุนไพรชนิดอื่น
  • มีอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูด เนื้อสัตว์
  • มีอาการเจ็บป่วย มีโรคประจำตัว หรือมีภาวะสุขภาพที่กำลังรักษาอยู่อื่น ๆ เช่น ความผิดปกติของเลือด ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยอาหาร ความดันโลหิตต่ำ
  • นอกจากนี้ หากบริโภคกระเทียมมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้  

    • มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
    • ท้องร่วง
    • ปากไหม้
    • ระคายเคืองหลอดอาหาร
    • คลื่นไส้ อาเจียน
    • เหงื่อออกมากกว่าปกติ
    • วิงเวียนศีรษะ
    • มีเลือดออก
    • อาการโรคหอบหืดกำเริบ
    • ผิวหนังผิดปกติ เช่น ผิวหนังไหม้

    อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หากมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกร

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 16/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา