ขมิ้นชัน เป็นชื่อหนึ่งของขมิ้น เช่นเดียวกับขมิ้นแกง ขมิ้นหัว ขี้มิ้น หรือตายอ ซึ่งเรียกแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย จัดเป็นพืชล้มลุกอยู่ในตระกูลเดียวกับขิง มีเหง้าอยู่ในดิน มีเนื้อสีเหลืองส้ม มีกลิ่นค่อนข้างฉุน นิยมนำมาใช้ประกอบอาหาร ทำเครื่องแกง สารสำคัญที่พบได้ในขมิ้นชัน คือ เคอร์คิวมิน (Curcumin) ซึ่งจัดเป็นสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนั้น ขมิ้นชันยังประกอบไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามิน เช่น วิตามินซี วิตามินบี เหล็ก โฟเลต
[embed-health-tool-bmi]
คุณค่าทางโภชนาการของ ขมิ้นชัน
ขมิ้นชัน 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 312 กิโลแคลอรี่ และมีสารอาหารต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- คาร์โบไฮเดรต 67.1 กรัม
- โปรตีน 9.68 กรัม
- ไขมัน 3.25 กรัม
- โพแทสเซียม 2,080 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 299 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 208 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 168 มิลลิกรัม
- เหล็ก 55 มิลลิกรัม
- โคลีน (Choline) 42.9 มิลลิกรัม
- โซเดียม 27 มิลลิกรัม
- แมงกานีส 19.8 มิลลิกรัม
นอกจากนี้ ขมิ้นชันยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ซีลีเนียม (Selenium) สังกะสี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค โฟเลต (Folate)
ประโยชน์ของ ขมิ้นชัน ต่อสุขภาพ
ขมิ้นชัน ประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีงานศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัติส่งเสริมสุขภาพของขมิ้นชัน ดังนี้
อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
เคอร์คิวมินในขมิ้นชันมีคุณสมบัติเสริมสร้างการทำงานของผนังหลอดเลือด รวมถึงช่วยลดไขมันต่าง ๆ ในหลอดเลือด โดยเฉพาะคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ (Trigleceride) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้น การบริโภคเคอร์คิวมิน จึงอาจช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้หลอดเลือด และช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้ขมิ้นชันและเคอร์คิวมินเพื่อลดระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition Journal ปี พ.ศ. 2560 นักวิจัยได้ศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของขมิ้นชันและเคอร์คิวมิน โดยพบว่ามีงานวิจัยจำนวน 7 ชิ้น ที่ได้ทดลองการใช้ขมิ้นชันและเคอร์คิวมินในผู้ป่วยจำนวน 649 ราย และพบว่า ขมิ้นชันและเคอร์คิวมินอาจมีประสิทธิภาพช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้น นักวิจัยจึงสรุปว่าการบริโภคขมิ้นชันและเคอร์คิวมิน อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยลดระดับไขมันในเลือด แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
ข้อควรระวังในการบริโภค ขมิ้นชัน
ขมิ้นชันเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์หลากหลาย อย่างไรก็ตามมีข้อควรระวังในการบริโภค ดังต่อไปนี้
- การบริโภคขมิ้นชันติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้ปวดท้อง ท้องร่วง คลื่นไส้ได้
- เมื่อบริโภคเคอร์คิวมินในขมิ้นชัน อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ดังนั้น จึงไม่ควรรับประทานร่วมกับยาต้านเบาหวานเพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ปลอดภัยได้
- ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดควรงดบริโภคขมิ้นชัน เพราะการบริโภคขมิ้นชันอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้าลง ซึ่งอาจส่งผลให้เสียเลือดมากกว่าปกติระหว่างผ่าตัด
- สำหรับหญิงตั้งครรภ์ การบริโภคขมิ้นชันในปริมาณมาก อาจกระตุ้นการทำงานของมดลูก และอาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ หญิงในระยะให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคขมิ้นชันในปริมาณมาก เพราะยังไม่มีข้อมูลที่สนับสนุนว่าการบริโภคขมิ้นระหว่างให้นมบุตรนั้นปลอดภัย
- การบริโภคขมิ้นชัน อาจทำให้ระดับฮอร์โมนเพศเทสโทสเตอโรนในเพศชายลดลง ซึ่งจะส่งผลให้อสุจิเคลื่อนไหวช้าลง ทำให้โอกาสมีบุตรลดลง ดังนั้น ผู้ที่ต้องการมีบุตรควรหลีกเลี่ยงการบริโภคขมิ้นชันในปริมาณมาก