งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร International scholarly research notices เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2555 ศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคอัลมอนด์หรือเมล็ดทานตะวันทุกวันเพื่อลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เมื่อให้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 22 คนรับประทานอัลมอนด์และเมล็ดทานตะวันในปริมาณ 30 กรัม/วัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ร่วมกับการรับประทานอาหารแบบสมดุล พบว่า การรับประทานเมล็ดทานตะวันช่วยลดระดับไขมันในเลือด ทั้งยังสามารถลดความดันช่วงหัวใจบีบตัวได้ 5% ลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) ได้ 9% และลดระดับไตรกลีเซอไรด์ได้ 12% จึงอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานวิจัยขนาดเล็ก ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
อาจช่วยลดการอักเสบ
ทานตะวันอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น วิตามินอี ฟลาโวนอยด์ เลซิทิน (Lecithin) ซึ่งออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติยับยั้งอาการอักเสบ จึงอาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังที่เกิดจากการอักเสบ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Epidemiology เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคถั่วและเมล็ดพืชกับการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยจำนวน 2,000 ฉบับ ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างเป็นคนอายุระหว่าง 45-68 ปี รวม 6,080 คน พบว่า ผู้ที่รับประทานถั่วและเมล็ดพืช รวมถึงเมล็ดทานตะวันเป็นประจำ สามารถลดปริมาณสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ เช่น โปรตีนซีรีแอคทีฟ (C-reactive) อินเตอร์ลิวคิน-6 (Interleukin-6) ไฟบริโนเจน (Fibrinogen) ได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงอาจเป็นประโยชน์ในการรักษาโรคเรื้อรังที่เกิดจากหลอดเลือดตีบตัน เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน แต่ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
ข้อควรระวังในการบริโภค ทานตะวัน
ข้อควรระวังในการบริโภคทานตะวัน อาจมีดังนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย