ถึงแม้ว่าน้ำมันพืชจะเป็นวัตถุดิบที่ค่อนข้างหาซื้อได้ง่ายกว่าน้ำมันดอกทานตะวัน แต่รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ผู้รักสุขภาพทั้งหลายเริ่มหันมานิยมซื้อน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติกันมากขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดอกทานตะวัน ซึ่งเชื่อกันว่าให้ประโยชน์แก่ร่างกายในด้านต่างๆ ได้ดีไม่แพ้น้ำมันธรรมชาติชนิดอื่นๆ อีกด้วย
ทำไมจึงต้องนำ น้ำมันดอกทานตะวัน มาปรุงอาหาร
เนื่องจากน้ำมันดอกทานตะวันนั้นทำมาจากธรรมชาติ โดยผ่านกระบวนการสกัดจากเมล็ดทานตะวัน อีกทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างมาก เช่น วิตามินอี โอเมก้า 6 และกรดโอเลอิก (Oleic acid) ที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ เมื่อนำมาปรุงอาหารแต่ละครั้งนั้นจึงทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์ที่ดีกว่าการใช้น้ำมันพืช
จากการศึกษาหนึ่งของผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพจัดอยู่ในเกณฑ์ดีจำนวน 15 คน พบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารซึ่งประกอบด้วยไขมันไม่อิ่มตัวอย่างน้ำมันดอกทานตะวัน เป็นเวลา 10 สัปดาห์ มีอัตราของระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ลดลงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานอาหารประเภทของไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่เท่ากัน
5 ประโยชน์ของ น้ำมันดอกทานตะวัน ที่ควรรู้
-
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
น้ำมันดอกทานตะวันอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเยื่อหุ้มเซลล์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อดักจับ และกำจัดแบคทีเรีย ไวรัส ที่แทรกซ้อนเข้ามาสู่ร่างกาย อีกทั้งโปรตีนในน้ำมันดอกทานตะวันยังช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และเอนไซม์ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เข้าไปทำลายภูมิคุ้มกันได้ในเวลาเดียวกัน
-
ปรับปรุงระบบการย่อยอาหาร
สาเหตุที่ทำให้น้ำมันดอกทานตะวันนั้นดีต่อระบบย่อยอาหาร อาจเป็นเพราะว่า มวลของน้ำมันดอกทานตะวันค่อนข้างมีความหนาแน่นน้อย น้ำหนักเบา ทำให้ไม่รู้สึกหนักท้องจนเกินไป เมื่อรับประทานเข้าไปจึงทำให้การดูดซึม และการย่อยอาหารนั้นง่ายขึ้น อีกทั้งน้ำมันดอกทานตะวันยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ที่อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
-
เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
เคยสังเกตกันบ้างไหมว่าเวลาที่รับประทานอาหารจนอิ่ม หรือแน่นท้องทีไร ทำไมจึงมีอาการง่วงแบบเฉียบพลันขึ้นมาในทันที นั่นอาจเป็นเพราะว่ามีการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากจนเกินไป จนทำให้รู้สึกค่อย ๆ เซื่องซึม
ถ้าหากลองเปลี่ยนไปเป็นการรับประอาหารที่ประกอบด้วยไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันเหล่านี้จะเข้าไปเติมพลังโดยการปล่อย ไกลโคเจน (Glycogen) เข้าสู่กระแสเลือด เพื่อนำไปแปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน จนทำให้รู้สึกสดชื่นพร้อมที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องแอบงีบเสี่ยงโดนเจ้านายดุในขณะนั่งทำงานอีกด้วย
-
บำรุงผิวพรรณ
วิตามินเอ และวิตามินอีในน้ำมันดอกทานตะวัน อาจมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหายจากอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยกำจัดแบคทีเรียต่าง ๆ บนผิวหนังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เนื่องจากน้ำมันดอกทานตะวันมีมวลน้ำมันที่ค่อนข้างเบาบาง จึงไม่ก่อให้เกิดความเหนียวเหนอะหนะ และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งนับว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ให้ความอ่อนโยนแก่ผิวหนังเป็นอย่างมาก และอาจเหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะผิวแพ้ง่ายด้วยเช่นกัน
-
ส่งเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง
น้ำมันชนิดนี้มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สามารถเข้าไปปรับปรุง หรือรักษาสมดุลของคอเลสเตอรอลในร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้ห่างไกลจากความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ที่อาจเป็นผลอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว
ตามคำแนะนำของสถาบันโภชนาการแห่งชาติ (NIN) ระบุไว้ว่า การจะได้รับประโยชน์จากน้ำมันดอกทานตะวันนั้น ควรบริโภคเพียงแค่ 20% ของแคลอรี่ต่อวัน หรือในปริมาณ 5 ช้อนชาต่อวัน และไม่ควรบริโภคมากเกินไปกว่านี้ เพราะมิเช่นนั้นอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงทางสุขภาพเพิ่มเติมได้
ข้อควรระวังก่อนการใช้ น้ำมันดอกทานตะวัน
ส่วนใหญ่แล้วการนำน้ำมันดอกทานตะวันมาใช้เพื่อรับประทาน หรือใช้เพื่อทาบริเวณผิวหนังโดยตรง ย่อมให้ความปลอดภัย ยกเว้นเสียแต่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้พืช หรือเกสรดอกไม้ในวงศ์ตระกูลดอกทานตะวัน เช่น ดอกดาวเรือง ดอกเดซี่ ดอกเบญจมาศ รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน เพราะอาจเป็นการเพิ่มอินซูลิน และระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้น ที่สำคัญยังอาจเพิ่มโอกาสให้หลอดเลือดแดงมีการแข็งตัว เพิ่มได้ในผู้ป่วยที่ประสบกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2
ดังนั้น ก่อนการนำมาใช้ปรุงอาหารหรือใช้งานอื่น ๆ ทุกครั้ง ควรปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และโปรดแจ้งรายละเอียดทางภาวะสุขภาพด้วย เพราะอาจมีอาหารเสริมประเภทอื่น ๆ ที่เหมาะสมมากกว่าการใช้น้ำมันดอกทานตะวัน
[embed-health-tool-bmr]