ลูกเกดมีไฟเบอร์สูง ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดอาการท้องผูก ช่วยในการลำเลียงอาหารและกากอาหารในระบบทางเดินอาหารได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ลูกเกดประกอบไปด้วยกรดทาร์ทาริก (Tartaric acid)ซึ่งเป็นกรดอินทรีย์ที่อาจช่วยปรับปรุงการทำงานของลำไส้ และช่วยควบคุมให้แบคทีเรียในลำไส้ทำงานได้เป็นปกติ งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร J Nutr Health ปี พ.ศ. 2560 ทำการรวบรวมงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างลูกเกดและสุขภาพของมนุษย์ พบว่า ไฟเบอร์ในลูกเกดส่งผลดีต่อระบบทางเดินอาหาร
มีส่วนช่วยลดความดันโลหิตในร่างกาย
ลูกเกดมีโพแทสเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่อาจมีส่วนช่วยลดระดับความดันโลหิตซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ โดยในงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Postgrad Med พ.ศ. 2557 ทำการวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างลูกเกดและของว่างชนิดอื่น ๆ ต่อความดันและภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยทำการทดลองให้ผู้ชายและผู้หญิงชาวอเมริกันจำนวน 49 คนบริโภคลูกเกดเป็นประจำทุกวัน วันละ 3 มื้อ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่บริโภคลูกเกดมีค่าความดันโลหิตทั้งตัวบนและตัวล่างลดลง ผลงานวิจัยสรุปว่า การบริโภคลูกเกิดอาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
ลูกเกดมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index หรือ GI) อยู่ที่ 64 ซึ่งค่าดัชนีน้ำตาลบ่งบอกถึงความเร็วของการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำตาล หากอาหารมีดัชนีน้ำตาลสูง จะมีตัวเลขมากกว่า 70 ซึ่งลูกเกดถือว่ามีค่าดัชนีน้ำตาลในระดับปานกลาง อาจเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาล จากงานวิจัยหนึ่งที่ตีิพิมพ์ในวารสาร Phys Sportsmed พ.ศ. 2558 ได้ทำการวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างลูกเกด ของว่างชนิดอื่น ๆ กับการควบคุมน้ำตาลในเลือด รวมถึงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 โดย ทดลองให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ทั้งหญิงและชายจำนวน 51 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกบริโภคลูกเกด และกลุ่มที่ 2 บริโภคอาหารว่างชนิดอื่น เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่รับประทานลูกเกดมีแนวโน้มของระดับกลูโคสลดลงถึง 23 เปอร์เซ็นต์ งานวิจัยนี้ให้ข้อสรุปเพิ่มเติมว่า ลูกเกด จัดเป็นอาหารว่างทางเลือกที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารว่างชนิดอื่น
อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
ลูกเกดมีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะบริเวณผิวลูกเกดที่ประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า เรสเวอราทรอบ (Resveratrol) ที่อาจช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งในระบบทางเดินอาหาร และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง การที่ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ ก็จะเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์ในร่างกาย เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์และระบบดีเอ็นเอในร่างกายถูกทำลาย และลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ จึงมีส่วนช่วยป้องกันการเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคมะเร็งได้
งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Advances in Nutrition พ.ศ.2563 ซึ่งศึกษางานวิจัยและแบบสอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคผลไม้แห้งและมะเร็ง จำนวน 16 ชิ้น พบว่า การบริโภคลูกเกดและพืชอบแห้งอื่น ๆ อาจมีส่วนสำคัญในการช่วยป้องกันมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ทั้งนี้จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย