- ผู้ชายและผู้หญิงอายุ 19 ปีขึ้นไป คือ 400 ไมโครกรัม ดีเอฟอี
- หญิงตั้งครรภ์หรือผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์ คือ 600 ไมโครกรัม ดีเอฟอี
- หญิงให้นมบุตร คือ 500 ไมโครกรัม ดีเอฟอี
โดย 1 ไมโครกรัม ดีเอฟอี (mcg DFE) เท่ากับวิตามินบี 9 หรือโฟเลตในอาหาร 1 ไมโครกรัม หรือเท่ากับกรดโฟลิกในอาหาร 0.6 ไมโครกรัม หรือเท่ากับกรดโฟลิกแบบเม็ดยาเมื่อรับประทานตอนท้องว่าง 0.5 ไมโครกรัม
ภาวะขาดวิตามินบี 9 พบได้ค่อนข้างยาก แต่หากเป็นโรคพิษสุรา ตั้งครรภ์ เคยเข้ารับการผ่าตัดลำไส้ หรือเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร เช่น โรคเซลิแอค โรคลำไส้แปรปรวน ก็อาจเสี่ยงเกิดภาวะขาดวิตามินบี 9 ได้ โดยสามารถสังเกตได้จากอาการ เช่น ปวดศีรษะ เป็นแผลที่ลิ้นหรือในช่องปาก ผิวหนัง ผม หรือเล็บเปลี่ยนแปลงไป (เช่น ผมร่วง ผิวซีด) ใจสั่น หายใจถี่ เหนื่อยล้าอ่อนเพลียง่าย กระสับกระส่าย เป็นโรคโลหิตจางแบบเม็ดเลือดแดงใหญ่ผิดปกติ (Megaloblastic anemia)
8. วิตามินบี 12 (Vitamin B12) หรือโคบาลามิน (Cobalamin)
ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและการทำงานของระบบประสาทและสมอง และระบบทางเดินอาหาร ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดและดีเอ็นเอ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางแบบเม็ดเลือดแดงใหญ่ผิดปกติ (Megaloblastic anemia) ช่วยในการย่อยและดูดซึมไขมันและกรดอะมิโน
ร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินบี 12 เองได้ จึงต้องได้รับจากอาหาร เช่น
- เนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อหมู เนื้อวัว และเครื่องในสัตว์ เช่น ตับ
- ไข่
- นมวัว และผลิตภัณฑ์จากนมวัว เช่น ชีส โยเกิร์ต
- หอย เช่น หอยนางรม หอยลาย หอยตลับ
ปริมาณวิตามินบี 12 ที่แนะนำต่อวัน
- ผู้ชายและผู้หญิงอายุ 14 ปีขึ้นไป คือ 2.4 ไมโครกรัม/วัน
- หญิงตั้งครรภ์ คือ 2.6 ไมโครกรัม/วัน
- หญิงให้นมบุตร คือ 2.8 ไมโครกรัม/วัน
วิตามินบี 12 พบได้เฉพาะในเนื้อสัตว์ ไม่มีในผักหรือผลไม้ ผู้ที่รับประทานอาหารประเภทมังสวิรัติหรืออาหารเจเป็นเวลานาน รวมถึงทารกที่กินนมแม่ซึ่งรับประทานเจหรือมังสวิรัติ จึงอาจเสี่ยงเกิดภาวะขาดวิตามินบี 12 ได้ นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคเซลิแอค โรคโครห์น หรือเคยเข้ารับการผ่าตัดลำไส้ ทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี ก็อาจเสี่ยงได้รับวิตามินบี 12 ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้เช่นกัน
หากขาดวิตามินบี 12 อาจส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย สูญเสียความจำ สับสนง่าย สมองเสื่อม มีอาการชัก ซึมเศร้า เป็นโรคโลหิตจางแบบเม็ดเลือดแดงใหญ่ผิดปกติ (Megaloblastic anemia) หรือเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 หรือที่เรียกว่า โรคโลหิตจางอย่างร้าย (Pernicious anemia) ซึ่งพบได้ยากแต่ถือเป็นโรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ความเสี่ยงจากการบริโภควิตามินบี
การได้รับวิตามินบีบางชนิดมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น
- หากได้รับวิตามินบี 3 หรือไนอาซินเกินปริมาณที่กำหนด อาจทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ และระดับไขมันในเลือดเสียสมดุล จนส่งผลให้เกิดอาการคัน คลื่นไส้อาเจียน และหากปล่อยไว้นาน อาจทำลายตับ
- หากได้รับวิตามินบี 6 หรือไพริด็อกซินมากเกินไป อาจทำให้คลื่นไส้อาเจียน ระบบประสาทถูกทำลาย โดยเฉพาะที่มือและเท้า รวมถึงทำให้มีอาการเซ (Ataxia)
- หากได้รับวิตามินบี 9 หรือโฟเลตเกิน 1,000 ไมโครกรัม/วัน ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้มีอาการไม่สบายตัว รู้สึกเหมือนจะป่วย กระสับกระส่าย ลำไส้ทำงานผิดปกติ ทั้งยังอาจส่งผลให้ขาดวิตามินบี 12 ได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในได้รับวิตามินบีมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ มักพบในผู้ที่รับประทานวิตามินบีในรูปแบบอาหารเสริม หรือวิตามินบีเสริม จึงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรทุกครั้ง ก่อนตัดสินใจบริโภควิตามินบีในรูปแบบดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย