backup og meta

เชอร์รี่ ประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อควรระวังในการบริโภค

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย นายแพทย์ภควัต ตั้งจาตุรนต์รัศมี · โภชนาการเพื่อสุขภาพ · โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 30/10/2023

    เชอร์รี่ ประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อควรระวังในการบริโภค

    เชอร์รี่ เป็นผลไม้ตระกูลพรุนที่นิยมบริโภคอย่างแพร่หลายทั่วโลก ผลของเชอร์รี่มีลักษณะกลม เล็ก สีแดงสด มีทั้งรสหวานและรสหวานอมเปรี้ยว เป็นแหล่งของไฟเบอร์ วิตามิน แร่ธาตุ และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น อาจช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ อาจช่วยฟื้นตัวหลังออกกำลังกายได้

    คุณค่าทางโภชนาการของ เชอร์รี่

    ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture หรือ USDA) ระบุว่า เชอร์รี่ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 63 กิโลแคลอรี่ มีน้ำเป็นส่วนประกอบ 82.2 กรัม และอุดมไปด้วยสารอาหาร  เช่น

  • คาร์โบไฮเดรต 16 กรัม
  • โปรตีน 1.06 กรัม
  • โพแทสเซียม 222 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 21 มิลลิกรัม
  • แคลเซียม 13 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม 11 มิลลิกรัม
  • นอกจากนี้ เชอร์รี่ยังมีแมงกานีส สังกะสี ทองแดง เหล็ก วิตามินบี 3 วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบ ทั้งยังมีแคลอรี่ต่ำและไม่มีโซเดียม การบริโภคเชอร์รี่ในปริมาณที่เหมาะสมจึงอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

    ประโยชน์ต่อสุขภาพของ เชอร์รี่

    เชอร์รี่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของเชอร์รี่ ดังนี้

    อาจช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ

    ในเชอร์รี่มีสารเมลาโทนิน (Melatonin) ตามธรรมชาติในปริมาณสูง เมลาโทนินเป็นสารที่ช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับของมนุษย์ ทำให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางคืน อันเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ที่ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโต การสร้างเซลล์ใหม่ การเติบโตของกล้ามเนื้อและกระดูก การเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน และการทำงานของหัวใจ การบริโภคเชอร์รี่จึงอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการนอนหลับให้เพียงพอหรือมีปัญหานอนไม่หลับ

    งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Nutrition เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2555 ศึกษาเกี่ยวกับผลของน้ำทาร์ตเชอร์รี่ (Prunus cerasus) ต่อระดับเมลาโทนินและการเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ โดยการแบ่งกลุ่มตัวอย่างจำนวน 20 คน เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้บริโภคน้ำทาร์ตเชอร์รี่เข้มข้น

    ส่วนกลุ่มที่ 2 ให้บริโภคยาหลอก หลังทดลอง 7 วัน พบว่า กลุ่มที่บริโภคน้ำเชอร์รี่มีปริมาณเมลาโทนินในปัสสาวะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังใช้เวลานอนบนเตียงมากขึ้น สามารถนอนหลับได้นานขึ้น และมีประสิทธิภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น ในขณะที่ในกลุ่มที่บริโภคยาหลอกไม่พบการเปลี่ยนแปลง

    อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบได้

    เชอร์รี่มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เช่น แอนโธไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ไปรบกวนกระบวนการออกซิเดชันและช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ จึงช่วยยับยั้งความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับอาการข้ออักเสบ เช่น โรคเกาต์ ที่เกิดจากมีกรดยูริกสะสมมากจนทำให้เกิดอาการบวม อักเสบ และปวดข้ออย่างรุนแรง

    งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2546 ศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคเชอร์รี่เพื่อช่วยลดปริมาณกรดยูริกในเลือดของผู้หญิงที่มีสุขภาพแข็งแรง โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้หญิงอายุ 22-40 ปี จำนวน 10 คน เมื่อให้กลุ่มตัวอย่างบริโภคเชอร์รี่ 2 มื้อ/วัน (ปริมาณ 280 กรัม)

    การวิจัยพบว่า ระดับความเข้มข้นของโปรตีนซีรีแอคทีฟ (CRP) และไนตริกออกไซด์ (NO) ที่มักใช้ในการบ่งชี้อาการอักเสบ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และหลังจากบริโภคเชอร์รี่ไปแล้ว 5 ชั่วโมง ระดับกรดยูริกก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติแล้ว การมีกรดยูริกมากเกินไปอาจทำให้ข้อต่อต่าง ๆ อักเสบ จึงอาจสรุปได้ว่า การบริโภคเชอร์รี่ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบมีเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรคข้ออักเสบ เช่น โรคเกาต์

    อาจช่วยให้ฟื้นตัวหลังออกกำลังกายได้เร็วขึ้น

    เชอร์รี่มีสารประกอบฟีนอล เช่น สารแอนโธไซยานิน สารไฮดรอกซีซินนาเมท (Hydroxycinnamates) สารคาเทชิน (Catechin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยจะพบสารประกอบเหล่านี้ในเชอร์รี่รสเปรี้ยวมากกว่าเชอร์รี่รสหวาน การบริโภคเชอร์รี่จึงอาจช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ความเสียหาย และการอักเสบที่เกิดจากการออกกำลังกายได้

    งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Sport Science เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ศึกษาเกี่ยวกับเชอร์รี่เปรี้ยวต่อการช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดจากการออกกำลังกายในผู้หญิง

    โดยการแบ่งกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงที่ออกกำลังกาย จำนวน 20 คน ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้บริโภคยาหลอก ส่วนกลุ่มที่ 2 ให้บริโภคน้ำเชอร์รี่เปรี้ยว ปริมาณ 60 มิลลิกรัม 2 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 8 วัน พบว่า กลุ่มที่บริโภคน้ำเชอร์รี่สามารถฟื้นฟูร่างกายจากการวิ่งได้รวดเร็วกว่า กล้ามเนื้อเสียหายและมีอาการปวดน้อยกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก จึงอาจสรุปได้ว่า เชอร์รี่มีส่วนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวหลังการออกกำลังกายได้เร็วขึ้น

    ข้อควรระวังในการบริโภค เชอร์รี่

    ข้อควรระวังในการบริโภคเชอร์รี่ มีดังนี้

    • เชอร์รี่เป็นผลไม้ขนาดเล็ก นิยมบริโภคทั้งผล จึงควรล้างเชอร์รี่ให้สะอาดก่อนบริโภคเสมอ เพื่อกำจัดยาฆ่าแมลงหรือสารปนเปื้อนอื่น ๆ ที่อาจยังตกค้างอยู่
    • เชอร์รี่เป็นแหล่งของซาลิไซเลต (Salicylate) ตามธรรมชาติ ผู้ที่มีอาการแพ้ซาลิไซเลตควรระมัดระวังในบริโภคเชอรี่
    • เชอร์รี่มีใยอาหารสูง การบริโภคผลไม้ชนิดนี้มากเกินไปอาจทำให้ระบบทางเดินอาหารมีปัญหา เช่น ท้องอืด ท้องเสีย จึงควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ
    • ไม่ควรบริโภคเชอร์รี่มากเกินไป เพราะเชอร์รี่มีสารซอร์บิทอล (Sorbitol) ที่ออกฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ จึงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการท้องเสียได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    นายแพทย์ภควัต ตั้งจาตุรนต์รัศมี

    โภชนาการเพื่อสุขภาพ · โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 30/10/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา