งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2546 ศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคเชอร์รี่เพื่อช่วยลดปริมาณกรดยูริกในเลือดของผู้หญิงที่มีสุขภาพแข็งแรง โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้หญิงอายุ 22-40 ปี จำนวน 10 คน เมื่อให้กลุ่มตัวอย่างบริโภคเชอร์รี่ 2 มื้อ/วัน (ปริมาณ 280 กรัม)
การวิจัยพบว่า ระดับความเข้มข้นของโปรตีนซีรีแอคทีฟ (CRP) และไนตริกออกไซด์ (NO) ที่มักใช้ในการบ่งชี้อาการอักเสบ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และหลังจากบริโภคเชอร์รี่ไปแล้ว 5 ชั่วโมง ระดับกรดยูริกก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติแล้ว การมีกรดยูริกมากเกินไปอาจทำให้ข้อต่อต่าง ๆ อักเสบ จึงอาจสรุปได้ว่า การบริโภคเชอร์รี่ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบมีเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรคข้ออักเสบ เช่น โรคเกาต์
อาจช่วยให้ฟื้นตัวหลังออกกำลังกายได้เร็วขึ้น
เชอร์รี่มีสารประกอบฟีนอล เช่น สารแอนโธไซยานิน สารไฮดรอกซีซินนาเมท (Hydroxycinnamates) สารคาเทชิน (Catechin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยจะพบสารประกอบเหล่านี้ในเชอร์รี่รสเปรี้ยวมากกว่าเชอร์รี่รสหวาน การบริโภคเชอร์รี่จึงอาจช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ความเสียหาย และการอักเสบที่เกิดจากการออกกำลังกายได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Sport Science เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ศึกษาเกี่ยวกับเชอร์รี่เปรี้ยวต่อการช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดจากการออกกำลังกายในผู้หญิง
โดยการแบ่งกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงที่ออกกำลังกาย จำนวน 20 คน ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้บริโภคยาหลอก ส่วนกลุ่มที่ 2 ให้บริโภคน้ำเชอร์รี่เปรี้ยว ปริมาณ 60 มิลลิกรัม 2 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 8 วัน พบว่า กลุ่มที่บริโภคน้ำเชอร์รี่สามารถฟื้นฟูร่างกายจากการวิ่งได้รวดเร็วกว่า กล้ามเนื้อเสียหายและมีอาการปวดน้อยกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก จึงอาจสรุปได้ว่า เชอร์รี่มีส่วนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวหลังการออกกำลังกายได้เร็วขึ้น
ข้อควรระวังในการบริโภค เชอร์รี่
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย