เนื้อวัว เป็นสารอาหารหลักประเภทโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงรักษามวลกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและให้พลังงานแก่ร่างกาย นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่อาจช่วยปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงเลือด และปรับปรุงการทำงานของร่างกายในส่วนต่าง ๆ เช่น ระบบประสาท การเต้นของหัวใจ
[embed-health-tool-bmi]
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อวัว
เนื้อวัวปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี่ และประกอบด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น
- โปรตีน 26 กรัม
- ไขมัน 15 กรัม
- คอเลสเตอรอล 90 มิลลิกรัม
- โซเดียม 72 มิลลิกรัม
นอกจากนี้ เนื้อวัวยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม เหล็ก แมงกานีส โพแทสเซียม ทองแดง ซีลีเนียม (Selenium) สังกะสี
ประโยชน์ของเนื้อวัวที่มีต่อสุขภาพ
เนื้อวัวมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนสรรพคุณของเนื้อวัวในการส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้
-
อุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
เนื้อวัวอุดมไปด้วยโปรตีนที่อาจช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและรักษามวลกล้ามเนื้อในร่างกาย โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 ศึกษาเกี่ยวกับโปรตีนในอาหารและมวลกล้ามเนื้อ พบว่า การบริโภคโปรตีนที่ไม่ติดมันในปริมาณที่เหมาะสม คือ 0.66 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต พัฒนากล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รักษามวลกล้ามเนื้อและส่งเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้น การรับประทานเนื้อวัวที่อุดมไปด้วยโปรตีนจึงสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกรับประทานเนื้อวัวที่ไม่ติดมัน ไม่ผ่านการแปรรูป เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับไขมันและโซเดียมส่วนเกินที่อาจเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด
-
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย
เนื้อวัวอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่อาจช่วยปรับปรุงสุขภาพร่างกาย เช่น
- วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 ช่วยในกระบวนการสร้างพลังงาน ลดความเหนื่อยล้าและความอ่อนเพลีย
- สังกะสี มีความสำคัญที่ช่วยให้ผม เล็บ และผิวหนังสุขภาพดี สนับสนุนการเจริญพันธุ์และการสืบพันธุ์ ทั้งยังช่วยรักษาระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ในเลือดให้เป็นปกติ
- แคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นแร่ธาตุที่ช่วยรักษาและส่งเสริมกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำคัญในการแข็งตัวของเลือด ช่วยให้กล้ามเนื้อหดตัวได้ดี ปรับปรุงเยื่อหุ้มเซลล์ กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจและส่งเสริมการทำงานของเส้นประสาทให้เป็นปกติ
-
อาจช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
เนื้อวัวอุดมไปด้วยธาตุเหล็กและสารอาหารที่สำคัญ เช่น วิตามินบี 2 วิตามินบี 12 วิตามินเอ โฟเลต (Folate) ทองแดง ซึ่งช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและป้องกันโรคโลหิตจาง โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of Research in Medical Sciences เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของธาตุเหล็กที่มีความสำคัญต่อสุขภาพ พบว่า โรคโลหิตจางเป็นโรคที่พบบ่อยเพราะร่างกายขาดธาตุเหล็ก อาจมีสาเหตุมาจากแผลในกระเพาะอาหารหรือการรับประทานอาหารที่ธาตุเหล็กต่ำ นอกจากธาตุเหล็ก ร่างกายควรได้รับสารอาหารอื่น ๆ อย่างวิตามินบี 2 วิตามินบี 12 วิตามินเอ โฟเลต และทองแดง เพื่อช่วยในการสร้างฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่สามารถช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางได้ ดังนั้น การรับประทานเนื้อวัวที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและสารอาหารที่สำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง จึงอาจช่วยบำรุงสุขภาพเลือดและป้องกันโรคโลหิตจางได้
-
อาจช่วยปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน
เนื้อวัวอุดมไปด้วยสังกะสี ที่ช่วยรักษาความสมดุลการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และช่วยปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันที่อาจช่วยป้องกันโรค เช่น การติดเชื้อ โรคมะเร็ง โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Age (Dordr) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 ศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคอาหารและผลของการเสริมสังกะสีต่อการทำงานของภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ พบว่า แร่ธาตุสังกะสีเป็นสารอาหารที่ช่วยรักษาความสมดุลของร่างกายในหลายส่วน รวมทั้งส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่อาจขาดสังกะสีเนื่องจากปัญหาการบดเคี้ยว กระบวนการย่อยหรือการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลงและเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น โรคมะเร็ง การติดเชื้อ จึงควรเสริมอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี เช่น เนื้อแดง ชีสแข็ง
ข้อควรระวังในการบริโภคเนื้อวัว
ข้อควรระวังบางประการที่ควรรู้ก่อนบริโภคเนื้อวัว มีดังนี้
- เนื้อแดงที่ไม่ผ่านการแปรรูป เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อหมู อาจอุดมไปด้วยไขมันอิ่มตัว อาจทำให้ระดับไขมันไม่ดี (LDL) และคอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงและอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- การบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ ไส้กรอก เบคอน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก นอกจากนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับอ่อน
- เนื้อวัวอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงอาจเสี่ยงในการเกิดภาวะธาตุเหล็กเกิน เนื่องจากร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กมากเกินไป อาจนำไปสู่โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และปัญหาตับ นอกจากนี้ ยังอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้