การขาดโซเดียมอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการเป็นตะคริว เนื่องจาก โซเดียมมีความสำคัญต่อการควบคุมการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Sports Medicine เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของโซเดียมต่อการเป็นตะคริวจากความร้อน พบว่า โซเดียมอาจช่วยบรรเทาอาการตะคริวจากความร้อน (Heat Cramps) ซึ่งเป็นอาการที่กล้ามเนื้อหดเกร็งอย่างรุนแรงและเจ็บปวดมาก ส่วนใหญ่พบในนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนัก จนเกิดความล้าของกล้ามเนื้อ สูญเสียเหงื่อและเกลือในร่างกายปริมาณมาก ซึ่งการดื่มน้ำเกลือสามารถช่วยบรรเทาอาการตะคริวได้ ดังนั้น ในการรักษาและป้องกันอาการตะคริวเนื่องจากกล้ามเนื้อหดเกร็งจึงแนะนำให้ดื่มน้ำเกลือ เกลือแร่ หรือรับประทานอาหารที่มีโซเดียมอย่างเหมาะสม
-
อาจช่วยปรับปรุงการทำงานของสมอง
โซเดียม อาจมีความสำคัญต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโซเดียมอย่างเพียงพอจึงอาจช่วยพัฒนาระบบประสาท และอาจช่วยป้องกันปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำและความคิดเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โซเดียมจะพบได้ในอาหารเกือบทุกชนิด เช่น อาหารแปรรูป ผลไม้ ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่ว เนื้อสัตว์ อาหารจากนมที่มีโซเดียมต่ำ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of Nutrition, Health and Aging เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคโซเดียมในอาหารต่อการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ โดยให้ผู้สูงอายุทั้งชายและหญิง อายุ 50-96 ปี ที่เข้าร่วมทำแบบทดสอบประเมินการทำงานของสมอง พบว่า การได้รับโซเดียมในปริมาณต่ำอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองที่ลดลงโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ดังนั้น เพื่อรักษาสุขภาพของสมอง ความคิดและความจำ ควรให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหารที่มีโซเดียมในปริมาณที่เหมาะสม
-
อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
การรับประทานโซเดียมในปริมาณที่เหมาะสม คือ ประมาณ 1,500-2,300 มิลลิกรัม/วัน อาจส่งผลดีต่อการควบคุมระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ทั้งยังช่วยควบคุมความสมดุลของน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Endocrinology เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 ศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของโซเดียมต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด พบว่า การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ แต่มีหลักฐานใหม่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้เช่นกันโดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดโรคไตจากเบาหวาน ที่อาจส่งผลกระทบต่อการขับโซเดียมที่มากเกินไป
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย