backup og meta

ระวัง! กินวิตามินมากเกินไป ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี อาจทำให้เสียชีวิตได้

ระวัง! กินวิตามินมากเกินไป ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี อาจทำให้เสียชีวิตได้

วิตามินนั้นเป็นสารอาหารอย่างหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ร่างกายต้องการวิตามินเพื่อให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการขาดวิตามินเหล่านี้อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อร่างกายได้ แต่อย่างไรก็ตาม การ กินวิตามินมากเกินไป ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี เพราะวิตามินที่มากเกินไปเหล่านี้ อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

กินวิตามินมากเกินไป อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

วิตามินเอ

วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ช่วยในเรื่องของการมองเห็น เพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และการทำงานของอวัยวะต่างๆ วิตามินเอนั้นเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน และจะพบได้มากในตับ ไต น้ำมันปลา นม และไข่ นอกจากนี้ยังสามารถพบวิตามินเอได้ในผัก เช่น มันฝรั่งหวาน และแครอทอีกด้วย

ปริมาณของวิตามินเอที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันนั้นมีดังต่อไปนี้

  • ผู้ชายอายุ 18 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 900 mcg RAE
  • ผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 700 mcg RAE
  • ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่อายุ 18  ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 770 mcg RAE
  • ผู้หญิงที่ให้นมลูก ควรได้รับวิตามินเอ 1,300 mcg RAE

ผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานวิตามินเอมากกว่าวันละ 3,000 mcg RAE เพราะหากได้รับวิตามินเอมากเกินกว่าที่กำหนด ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะวิตามินเอเป็นพิษได้

อาการของภาวะวิตามินเอเป็นพิษ คือ

หากเกิดภาวะวิตามินเอเป็นพิษ ควรลดปริมาณการรับประทานวิตามินเอ ในกรณีที่รับประทานไปเป็นจำนวนมากเกินไปจนทำให้เป็นพิษ อาจรับประทานถ่านกัมมันต์ (Activated Charcoal) ลงไปเพื่อช่วยดูดซึมวิตามินเอส่วนเกินไปได้ และควรรีบตัวส่งโรงพยาบาลในทันที

วิตามินบี 3

วิตามินบี 3 หรือที่เรียกว่า ไนอาซิน เป็นวิตามินที่พบได้ในเนื้อแดง ปลา ธัญพืชเต็มเมล็ด และผักใบเขียว เป็นวิตามินที่ใช้เพื่อช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ภายในเลือด เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดระดับความดันโลหิต และช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน

ปริมาณของวิตามินบี 3 ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันนั้นมีดังต่อไปนี้

  • เด็ก 2-16 มก./วัน ขึ้นอยู่กับอายุ
  • ผู้ชาย 16 มก./วัน
  • ผู้หญิง 14 มก./วัน
  • ผู้หญิงตั้งครรภ์ 18 มก./วัน
  • ผู้หญิงให้นมลูก 17 มก./วัน

ผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานวิตามินบี 3 เกินวันละ 35 มก. แม้ว่าการรับประทานวิตามินบี 3 ปริมาณมากในคราวเดียว อาจจะไม่ทำให้เกิดภาวะเป็นพิษ แต่การกินวิตามินบี 3 มากเกินไป นานติดต่อกัน อาจทำให้เกิดภาวะเป็นพิษได้

อาการของภาวะวิตามินบี 3 เป็นพิษคือ

  • ผิวแดง
  • วิงเวียน
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • คัน
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดท้อง
  • ท้องเสีย
  • โรคเกาต์

หากคุณเกิดความเป็นพิษจากวิตามินบี 3 แพทย์อาจจะให้คุณกินวิตามินบี 3 พร้อมกับยาแอสไพริน ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSIAD หรือยาต้านฮีสตามีน จนกว่าอาการจะลดลง แต่หากมีอาการรุนแรง ควรนำตัวส่งโรงพยาบาล

วิตามินบี 6

วิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาของสมอง และรักษาสุขภาพของระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ วิตามินบี 6 นั้นสามารถพบได้ในสัตว์ปีก เนื้อหมู ปลา ถั่วต่างๆ ธัญพืชเต็มเมล็ด มันฝรั่ง และกล้วย หรือรับประทานจากอาหารเสริม

ปริมาณสูงสุดในการบริโภควิตามินบี 6 ไม่ควรเกินดังต่อไปนี้

  • เด็ก 1-3 ปี ไม่ควรเกิน 30 มก./วัน
  • เด็ก 4-8 ปี ไม่ควรเกิน 40 มก./วัน
  • เด็ก 9-13 ปี ไม่ควรเกิน 60 มก./วัน
  • ผู้ใหญ่ และผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมลูก ที่อายุ 14-18 ปี ไม่ควรเกิน 80 มก./วัน
  • ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมลูกที่อายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ไม่ควรเกิน 100 มก./วัน

การกินวิตามินบี 6 จากอาหารในปริมาณมากมักจะไม่แสดงให้เห็นผลที่เป็นอันตราย แต่การกินอาหารเสริมวิตามินบี 6 ในขนาดสูงอาจเกิดความเป็นพิษได้ โดยมีอาการดังต่อไปนี้

  • ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อได้
  • มีบาดแผลบนผิวที่มีอาการปวดอย่างรุนแรง
  • แพ้แสง
  • เหน็บชา
  • ความสามารถในการรับรู้ความรู้สึกปวดหรืออุณหภูมิลดลง

วิตามินดี

วิตามินดี เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ จากการโดยแสงแดด หรือรับประทานในรูปแบบของอาหารเสริม วิตามินดีนั้นมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานตามปกติ การได้รับวิตามินในปริมาณที่พอเหมาะมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟันที่แข็งแรง และช่วยต่อต้านโรคบางอย่างได้

ปริมาณของวิตามินดีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันคือ 0.015 มก./วัน และไม่ควรรับประทานอาหารเสริมวิตามินดีมากเกินกว่า 60,000 IU หรือ 1.5 มก. ต่อวัน เพราะจะทำให้เกิดภาวะวิตามินดีเป็นพิษได้

อาการของภาวะวิตามินดีเป็นพิษคือ

  • ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง
  • คลื่นไส้
  • อ่อนแรง
  • ปัสสาวะบ่อย
  • ปวดกระดูก
  • ปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น เป็นนิ่ว

วิตามินอี

วิตามินอี เป็นวิตามินที่ใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ภายในร่างกายไม่ให้เกิดความเสียหาย วิตามินชนิดนี้สามารถพบได้ในปลา น้ำมันพืช ถั่ว ธัญพืช ข้าวสาลี และผักใบเขียว

ปริมาณที่ควรรับประทานในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่คือ 15 มก. และห้ามรับประทานอาหารเสริมวิตามินดีเกินขนาด 300 มก. ต่อวัน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคหลอดเลือดสมอง และตกเลือด

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

[embed-health-tool-bmr]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Overuse of supplements may lead to toxic effects in the body https://www.verywellhealth.com/vitamin-toxicity-4776094. Accessed 25 February 2020
Hypervitaminosis A https://www.healthline.com/health/hypervitaminosis-a. Accessed 25 February 2020
What is vitamin D toxicity, and should I worry about it since I take supplements? https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/expert-answers/vitamin-d-toxicity/faq-20058108. Accessed 25 February 2020
Vitamin E https://www.mayoclinic.org/drugs-supplements-vitamin-e/art-20364144. Accessed 25 February 2020
Niacin overdose: What are the symptoms? https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/high-blood-cholesterol/expert-answers/niacin-overdose/faq-20058075. Accessed 25 February 2020
Vitamin B-6 https://www.mayoclinic.org/drugs-supplements-vitamin-b6/art-20363468. Accessed 25 February 2020

เวอร์ชันปัจจุบัน

27/05/2020

เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

5 สุดยอด ผลไม้ให้วิตามินเคสูง อยากสุขภาพดีต้องไม่พลาด

รับประทานวิตามินซีมากไป อาจได้ผลร้ายมากกว่าผลลัพธ์ที่ดี


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 27/05/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา