backup og meta

สารปรอทในอาหาร พิษต่อสุขภาพ อันตรายที่คุณควรระวัง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 07/10/2020

    สารปรอทในอาหาร พิษต่อสุขภาพ อันตรายที่คุณควรระวัง

    สารปรอท เป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในสภาพแวดล้อมต่างๆ โดยเฉพาะในอาหาร ซึ่งสารปรอทในอาหารนี้ หากสะสมเข้าสู่ร่างกายในระดับที่สูงมากจนเกิดพิกัด จะมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพตั้งแต่ความรุนแรงในระดับต่ำไปจนถึงความรุนแรงในระดับสูง Hello คุณหมอ มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับ สารปรอทในอาหาร มาฝากค่ะ

    สารปรอท คืออะไร

    ปรอท หรือ สารปรอท (Mercury) คือโลหะที่เป็นพิษ จัดเป็นสารพิษตามธรรมชาติที่สามารถพบได้ทั้งในอากาศ แหล่งน้ำ และในดิน รวมถึงยังพบได้จากโรงงานอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และอาหารต่างๆ ซึ่งร่างกายของเรามักจะได้รับสารปรอทสะสมจากการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกปลา กุ้ง หอย หรืออาหารทะเล มากไปกว่านั้นยังรวมถึงเนื้อสัตว์ที่กินปลาเป็นอาหารด้วย

    อาหารชนิดใดบ้างที่มีสารปรอท

    มีอาหารอยู่หลายชนิดทีเดียวที่อาจพบการปนเปื้อนของ สารปรอท โดยเฉพาะอาหารจำพวกปลา หรืออาหารทะเล อย่างไรก็ตาม อาหารที่อาจมีการปนเปื้อนสารปรอทนั้นอาจสามารถจำแนกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้

    ปนเปื้อน สารปรอท ในระดับต่ำ

    • ปลาแอนโชวี่
    • ปลาดุก
    • หอยกาบ
    • ปู
    • เครย์ฟิช หรือล็อบสเตอร์น้ำจืด
    • ปลาลิ้นหมา
    • ปลาแฮร์ริ่ง
    • ปลาแมคเคอเรล
    • หอยนางรม
    • หอยเชลล์
    • กุ้ง
    • ปลาหมึก
    • แซลมอน
    • ปลาซาร์ดีน
    • ปลานิล
    • ปลาเทราต์
    • ปลาโซล (Soles Fish)
    • ปลาไวท์ฟิช (Whitefish)
    • ปลาเพิร์ช (Perch)
    • ปลาพอลล็อค (Pollock)
    • ปลากระบอก (Mullet)
    • ปลาแฮ็ดด็อค (Haddock)
    • ปลาเฮก (Hake)
    • ปลาแอตแลนติกครอกเกอร์ (Croaker (Atlantic))

    ปนเปื้อน สารปรอท ในระดับปานกลาง

    • ล็อบสเตอร์
    • ปลาทูน่า (โดยเฉพาะทูน่าที่บรรจุมาในกระป๋องขนาดบาง)
    • ปลาอีโต้มอญ หรือปลามาฮิ มาฮิ (Mahi-Mahi)
    • ปลามังค์ฟิช (Monkfish)
    • ปลาเพิร์ชน้ำจืด (Perch)
    • ปลาสเกต (Skate)
    • ปลาไทล์ฟิช (Tilefish)
    • ปลาแบส (Bass)
    • ปลาแฮลิบัต (Halibut)

    ปนเปื้อน สารปรอท ในระดับสูง

  • ปลาเก๋า
  • ปลากะพง
  • ปลาหิมะ
  • ปลาอินทรี
  • ทูน่าครีบเหลือง
  • ฉลาม
  • ปลากระโทง
  • ปลากระโทงดาบ (Swordfish)
  • ปลาหัวเมือก (Orange Roughy)
  • ปลาบลูฟิช (Bluefish)
  • ภาวะเป็นพิษจากสารปรอทเป็นอย่างไร

    สารปรอทจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายในทันที จนกระทั่งร่างกายได้สะสมปรอทเอาไว้ในปริมาณที่สูงและสูงมากจนเกินพิกัด ร่างกายจะเริ่มมีปฏิกิริยาที่เป็นผลมาจากสารปรอท ซึ่ง สารปรอท หากสะสมไว้มากจะมีผลต่อระบบประสาทและสมอง และแสดงออกผ่านลักษณะอาการดังต่อไปนี้

    • มีอาการหงุดหงิด
    • มีอาการชาที่มือและเท้า
    • มีปัญหาที่เกี่ยวกับความจำ
    • มีอาการประหม่า
    • มีอาการสั่น
    • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
    • มีความบกพร่องทางการมองเห็น
    • เกิดความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว การพูด การเดิน การได้ยิน
    • อาการซึมเศร้า
    • อาการวิตกกังวล

    ถ้าหากเด็กหรือสตรีมีครรภ์ได้รับ สารปรอท มากจนเกินพิกัด จะมีผลต่อระบบประสาทและสมองของเด็กหรือทารกในครรภ์  เสี่ยงที่จะมีพัฒนาการด้านต่างๆ ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน ดังนั้นในกลุ่มเด็กและผู้ที่กำลังตั้งครรภ์จึงควรระมัดระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ

    วิธีป้องกันความเสี่ยงจาก สารปรอทในอาหาร

    วิธีป้องกันความเสี่ยงของ สารปรอท ที่ดีที่สุดก็คือ ลดความเสี่ยงในการนำเอาสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย ดังนี้

    • รับประทานปลาขนาดใหญ่เป็นครั้งคราว เนื่องจากปลาขนาดใหญ่ที่มาจากมหาสมุทรหรือปลาที่นำเข้า มักมีความเสี่ยงที่จะปนเปื้อนสารปรอทสูง
    • หากกำลังตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงปลาที่อาจจะมีการปนเปื้อนของ สารปรอท หรือควรระมัดระวังอาหารจำพวกเนื้อปลามากเป็นพิเศษ ควรเลือกเนื้อปลาที่มาจากแหล่งจำหน่ายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้
    • เด็กควรรับประทานอาหารทะเลตามปริมาณที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FDA กำหนดไว้ คือ อายุต่ำกว่า 3 ปี กินอาหารทะเลได้ 1 ออนซ์ เด็กอายุ 4-7 ปี กินอาหารทะเลได้ 2 ออนซ์
    • เพื่อการเตรียมตัวก่อนการตั้งครรภ์ควรไปตรวจหาสารปรอทในร่างกายเสียก่อน
    • หากสัมผัสกับ สารปรอท มา ควรล้างมือให้สะอาดทันที
    • หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สถานที่ที่มีการปนเปื้อนของสารปรอท

    ต้องงดกินปลาเพื่อป้องกันสารปรอทหรือไม่

    เนื่องจากปลาเป็นอาหารที่มักพบการปนเปื้อนของ สารปรอท มากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ หลายคนจึงอาจเกิดความกังวลขึ้นมาว่า “แล้วแบบนี้จะต้องเลิกกินปลาเลยไหม จะได้ลดความเสี่ยงของการสะสมสารปรอทไว้ในร่างกาย’

    แต่…เราไม่จำเป็นที่จะต้องเลิกหรืองดกินปลาเพียงเพื่อจะหลีกหนีจากสารปรอท เพราะในปลามีคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งกรดไขมันที่มีประโยชน์ โอเมก้า 3 หรือโปรตีน เป็นต้น เพียงแต่อาจจะต้องใส่ใจกับการกินปลามากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสะสมของสารปรอทอย่างเด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FDA แนะนำเอาไว้ว่า

    • ควรรับประทานปลาประมาณ 227-340 กรัม หรือประมาณ 2-3 มื้อต่อสัปดาห์
    • เลือกเนื้อปลาที่มีการปนเปื้อนของสารปรอทในระดับที่ต่ำ เช่น แซลมอน กุ้ง ปลาซาร์ดีน
    • หลีกเลี่ยงการรับประทานปลาที่มีการปนเปื้อน สารปรอท ในระดับสูง
    • เลือกปลาที่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้และมีความปลอดภัย

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 07/10/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา