backup og meta

โพแทสเซียมสูง ห้ามกิน อะไรบ้าง และควรกินอาหารอะไร

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 04/11/2022

    โพแทสเซียมสูง ห้ามกิน อะไรบ้าง และควรกินอาหารอะไร

    โดยปกติแล้ว ร่างกายจะขับโพแทสเซียมออกทางปัสสาวะ แต่หากมีภาวะสุขภาพบางประการ เช่น โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน อาจทำให้ไตไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินออกทางปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงกว่าปกติ ผู้ป่วยที่มีภาวะนี้ อาจมีคำถามว่า โพแทสเซียมสูง ห้ามกิน อะไร และควรกินอาหารอะไร เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารให้ถูกต้อง ซึ่งอาจช่วยให้สามารถรักษาสมดุลของระดับโพแทสเซียมในร่างกายให้เหมาะสม และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการมีระดับโพแทสเซียมสูงเกินไปได้

    โพแทสเซียมสูง เกิดจากอะไร

    ภาวะโพแทสเซียมสูง (Hyperkalemia) เป็นภาวะที่ไตไม่สามารถกรองโพแทสเซียมจากอาหารและเครื่องดื่มที่บริโภคเข้าไปและกำจัดโพแทสเซียมออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไตจะดูดโพแทสเซียมกลับเข้าไปสะสมในเลือด จนทำให้มีโพแทสเซียมสูงเกินไป ผู้ที่มีภาวะโพแทสเซียมสูงเป็นเวลานานอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจทำให้มีน้ำคั่งในร่างกาย ส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจ ทำให้หายใจลำบาก หัวใจเต้นผิดจังหวะจนเกิดภาวะหัวใจวายได้

    ระดับโพแทสเซียมในเลือดปกติจะอยู่ที่ 3.5-5.0 มิลลิโมล/ลิตร หากเกิน 5.0 มิลลิโมล/ลิตร ถือว่าโพแทสเซียมสูง และหากเกิน 5.5 มิลลิโมล/ลิตร ถือว่ามีระดับโพแทสเซียมสูงมาก

    ปัจจัยต่อไปนี้ อาจมีส่วนทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมสูงได้

  • การได้รับโพแทสเซียมจากอาหารมากเกินไป ซึ่งอาจมาจากการกินอาหารเสริมโพแทสเซียมและสารทดแทนเกลือ (Salt Substitute)
  • การกินยารักษาโรคที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียม เช่น ยารักษาโรคความดันโลหิตสูงบางชนิด
  • ภาวะโพแทสเซียมสูงสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศและทุกวัย แต่หากมีภาวะสุขภาพดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะโพแทสเซียมสูงได้

    • โรคแอดดิสัน (Addison’s Disease)
    • โรคพิษสุราเรื้อรัง
    • โรคเบาหวานเรื้อรัง
    • ภาวะขาดน้ำ
    • การติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
    • ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure)
    • มีแผลไหม้ขนาดใหญ่บนร่างกายที่ทำให้โพแทสเซียมในเซลล์เคลื่อนตัวออกมานอกเซลล์หรือหลอดเลือด จนเกิดภาวะโพแทสเซียมสูง
    • อาการบาดเจ็บที่ทำให้สูญเสียเลือดมาก

    โพแทสเซียมสูงส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร

    โพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อหดและคลายตัว เสริมสร้างการเติบโตของเซลล์ ช่วยกำจัดของเสีย ทั้งยังช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตและรักษาสมดุลของระบบเผาผลาญ โดยกระทรวงสาธารณสุขแนะนําว่า ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ควรบริโภคโพแทสเซียม 3,500 มิลลิกรัม/วัน

    อย่างไรก็ตาม การมีโพแทสเซียมในเลือดมากเกินไปอาจกระทบต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมสูงมักไม่แสดงอาการอย่างเด่นชัดในระยะแรกและมักตรวจพบภาวะนี้ได้จากการตรวจเลือดและการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หากปล่อยทิ้งไว้จนร่างกายมีโพแทสเซียมสะสมอยู่ในกระแสเลือดสูงมากหรือเรื้อรัง อาจทำให้มีอาการดังต่อไปนี้

    • ปวดท้องและท้องเสีย
    • เจ็บหน้าอก
    • กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือชาที่แขนขา
    • คลื่นไส้และอาเจียน
    • ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
    • หัวใจวาย

    โพแทสเซียมสูง ห้ามกิน อะไรบ้าง

    การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงดังตัวอย่างต่อไปนี้ อาจช่วยควบคุมระดับโพแทสเซียมไม่ให้สูงเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ

  • ส้ม
  • มะละกอ
  • ทุเรียน
  • แก้วมังกร
  • ฝรั่ง
  • เนคทารีน (Nectarine)
  • ปวยเล้งปรุงสุก
  • มันฝรั่ง
  • แครอท
  • มะละกอดิบ
  • ฟักทอง
  • พริกหวาน
  • ผลไม้แห้ง เช่น ลูกพรุน ลูกเกด
  • ผลไม้ตระกูลแตง เช่น แตงโม แตงไทย ฮันนีดิว (Honeydew) แคนตาลูป
  • มะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ เช่น ซอสมะเขือเทศ
  • อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม แหนม
  • ธัญพืชเต็มเมล็ด
  • พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วขาว ถั่วลิสง ถั่วพร้า ถั่วพู
  • นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว เช่น โยเกิร์ต ชีส
  • นมจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์
  • เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อแซลมอน
  • สารทดแทนเกลือที่มีโพแทสเซียม
  • โพแทสเซียมสูง ควรกินอะไร

    อาหารที่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีภาวะโพแทสเซียม ควรเป็นอาหารที่มีโพแทสเซียมปานกลางและต่ำ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

    ผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมต่ำ

    • แอปเปิลและผลิตภัณฑ์จากแอปเปิล เช่น น้ำแอปเปิล ซอสแอปเปิล
    • มังคุด
    • สละ
    • สับปะรด
    • เงาะ
    • ลูกท้อ
    • กะเพรา
    • ส้มเช้ง
    • ขึ้นฉ่าย
    • ต้นหอม
    • ชะอม
    • ตำลึง
    • เซเลอรี หรือขึ้นฉ่ายฝรั่ง
    • ใบบัวบก
    • ถั่วงอก
    • ถั่วพู
    • บวบเหลี่ยม
    • ใบโหระพา
    • ใบแมงลัก
    • ผักกวางตุ้ง
    • ผักกาดขาว
    • ผักกาดหอม
    • ยอดมะระ
    • สาหร่ายจีฉ่ายหรือสาหร่ายสายใบ
    • เห็ดหูหนูดำ

    ผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมปานกลาง

    • องุ่นและน้ำองุ่น
    • เชอร์รี่
    • กล้วย
    • ลูกพีช
    • ผลไม้แห้ง
    • ลองกอง
    • เสาวรส
    • ชมพู่
    • ทับทิม
    • กีวี
    • ลิ้นจี่
    • ละมุด
    • ลำไย
    • ส้มโอ
    • ขนุนและขนุนอ่อน
    • ข้าวโพดอ่อน
    • กะหล่ำปลี
    • แขนงกะหล่ำ
    • กุยช่าย
    • คะน้า
    • แตงกวา
    • น้ำเต้า
    • ผักโขม
    • ปวยเล้ง
    • ผักกาดขาว
    • ผักชี
    • ผักชีลาว
    • ผักชีฝรั่ง
    • ฟักเขียว
    • มะเขือยาว
    • ผักบุ้ง
    • มะละกอดิบ
    • พริกหวาน
    • พริกหยวก
    • เห็ดนางฟ้า
    • เห็ดนางรม
    • เห็ดหอมสด
    • หอมหัวใหญ่

    อาหารอื่น ๆ ที่มีโพแทสเซียมต่ำ

    • ขนมปังขาว
    • ขนมเค้ก
    • คุกกี้ที่ไม่มีถั่วหรือช็อกโกแลต
    • ก๋วยเตี๋ยว
    • พาสต้า
    • ข้าว
    • ชา
    • กาแฟ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 04/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา