นอกจากช่วยลดความอ้วน ความเครียด รวมทั้งทำให้หลับสบายแล้ว การออกกำลังกายยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน โดยช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียและการติดเชื้อแบคทีเรีย
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เรื่องประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย ต่อการทำงานของภูมิคุ้มกัน ตีพิมพ์ในวารสาร Progress in Molecular Biology and Translational Science ปี พ.ศ. 2558 อธิบายว่า การออกกำลังกายที่ออกแรงระดับปานกลาง เป็นช่วงสั้น ๆ เพียงครั้งเดียว ช่วยเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกัน และยังมีประสิทธิภาพกระตุ้นการตอบสนองต่อวัคซีนด้วย
นอกจากนี้ งานวิจัยยังเสริมว่า การออกกำลังกายช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคอ้วน ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณพอเหมาะ
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก จะทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เพราะแอลกอฮอล์จะลดจำนวนแบคทีเรียในร่างกายที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงจำนวนแอนติบอดีซึ่งมีหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอม
ทั้งนี้ ผู้ชายควรบริโภคแอลกอฮอล์ตไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน ส่วนของผู้หญิง คือไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน
เลิกสูบบุหรี่
ควันบุหรี่ประกอบด้วยสารเคมีกว่า 7,000 ชนิด และสารเคมีส่วนใหญ่ยังมีฤทธิ์แทรกแซงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ผู้สูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่เสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โรคไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ มะเร็งปอด รวมถึงการติดเชื้อหลังจากผ่าตัด
เมื่อเลิกสูบบุหรี่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากเลือดไหลเวียนได้ดีกว่าเดิม ระดับออกซิเจนในเลือดสูงขึ้น และร่างกายอักเสบน้อยลง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย