ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด หากทำได้ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำทุกวัน โดยอาจเลือกสุ่มตรวจที่เวลาต่าง ๆ สลับกันไป เช่น ก่อนอาหารเช้า ก่อนอาหารเย็น ช่วงเวลาหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง รวมทั้งเมื่อมีอาการผิดปกติ รวมถึงควรจดบันทึกค่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ เพื่อเป็นสถิติและข้อมูลให้คุณหมอสามารถใช้ติดตามผลการรักษา รวมถึงปรับการยาให้เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น
หลังจากรับประทานอาหารประมาณ 1-2 ชั่วโมง อาจกระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อช่วยเผาผลาญน้ำตาลจากมื้ออาหารที่เพิ่งรับประทานไป อาจเลือกเดินระยะสั้น ๆ ยืดเส้นยืดสาย โดยออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายจัดการกับน้ำตาลส่วนเกินได้ดีขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยเบาหวานออกกำลังกายหนักกว่าปกติอาจทำให้มีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ดูแลอาจเตรียมของว่างไว้เผื่อให้ผู้ป่วยรับประทานเมื่อเริ่มมีอาการ ทั้งนี้ หากผู้ป่วยมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ดูแลควรปรึษาคุณหมอ เพื่อปรับลดขนาดยาลงตามความเหมาะสม
- ใช้ยารักษาเบาหวานอย่างเคร่งครัด
เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีและป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ผู้ดูแลควรให้ผู้ป่วยใช้ยารักษาเบาหวานตามที่คุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัด เนื่องจากยาที่ต้องใช้อาจมีหลายชนิด และมีวิธีการรับประทานต่างกันไป จนอาจทำให้สับสนได้ อีกทั้งควรดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานยาและอาหารให้ตรงเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน
ผู้ดูแลควรหมั่นสังเกตอาการที่ผิดปกติของผุ้ป่วย
อาการผิดปกติในผู้ป่วยเบาหวานที่ผู้ดูแลเฝ้าระวัง มีดังนี้
ผู้ป่วยเบาหวานอาจมีปัญหาโรคเหงือกหรือโรคปริทันต์ได้ง่าย เพราะเมื่อมีน้ำตาลในเลือดสูงจะทำให้แบคทีเรียในช่องปากเจริญเติบโตได้ดี และทำให้ช่องปากมีความเป็นกรดมากขึ้นจนกัดกร่อนเคลือบฟัน ทำให้เสี่ยงเกิดฟันผุและการติดเชื้อในช่องปากได้ง่าย ผู้ดูแลจึงควรให้ผู้ป่วยแปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์และแปรงสีฟันขนนุ่มอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน และใช้ไหมขัดฟันอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก ๆ 6 เดือนหรือ 1 ปี
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย