การ ปลูกผม นับว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาอีกหนทางหนึ่ง ที่สามารถเรียกความมั่นใจของคุณให้กลับมาดังเดิมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีเส้นผมลักษณะบาง และขาดหลุดร่วงง่ายจากการแพ้แชมพู ทำสี หรือแม้แต่มาจากพันธุกรรม ซึ่งวันนี้ Hello คุณหมอ ก็ได้นำบทความดี ๆ เกี่ยวกับนวัตกรรมการปลูกผมมาฝากกันในบทความนี้ให้ผู้ที่สนใจได้ลองทำการศึกษาเบื้องต้นเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ารับการปลูกผมกันค่ะ
มารู้จักกับนวัตกรรมการ ปลูกผม กันเถอะ
การปลูกผม หรือ ปลูกผมถาวร (Hair Transplant) ถือเป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่งที่แพทย์ทำการปลูกถ่าย หรือเคลื่อนย้ายเนื้อเยื่อส่วนที่มีเส้นผมหนาของหนังศีรษะไปยังบริเวณส่วนที่บอบบาง ซึ่งผู้ที่เหมาะกับการแก้ไขด้วยวิธีนี้มักเป็นผู้ที่กำลังประสบกับปัญหาหนังศีรษะล้าน ผมบางขาดหลุดร่วงทั้งในรูปแบบธรรมชาติ และการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
แต่ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ร่วมด้วยว่าหนังศีรษะของคุณเหมาะสมกับการใช้เทคนิคปลูกผมหรือไม่ เพราะเนื่องจากยังมีวิธีอื่นอีกมากมาย อย่างการใช้แชมพูสระผมลดอาการขาดหลุดร่วงของเส้นผม หรือการใช้วิตามินบำรุงหนังศีรษะ เพื่อลดอาการเจ็บปวดในกรณีที่แพทย์เห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องรับการผ่าตัดปลูกผม
เทคนิคการ ปลูกผม ส่วนใหญ่ที่แพทย์นิยมใช้
ก่อนที่จะทำการผ่าตัดคุณจำเป็นต้องบอกรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาของหนังศีรษะคุณให้ศัลยแพทย์ให้ทราบเสียก่อน เพื่อให้ทางทีมแพทย์ได้เลือกเทคนิคในการผ่าตัดที่เหมาะสมกับคุณ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักมีอยู่ 2 เทคนิคด้วยกัน ดังนี้
-
การปลูกถ่ายแบบ Follicular (FUT)
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคดั้งเดิมที่ได้รับการผ่าตัดแก้ไขปัญหาหนังศีรษะของผู้ใช้บริการมาอย่างยาวนาน ซึ่งทีมศัลยแพทย์นั้นมักจะทำตามลำดับขั้นตอนเหล่านี้
- ทำการผ่าตัดหนังศีรษะที่ได้รับการวิเคราะห์แล้วว่าชิ้นเนื้อส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมบนหนังศีรษะของคุณหนาดกดำมากที่สุดออกมา เช่น หลังศีรษะ ท้ายทอย เป็นต้น โดยทั่วไปแล้วจะมีความยาวประมาณ 6-10 นิ้ว
- จากนั้นทำการเย็บแผลส่วนที่นำออกมาให้ติดกัน เพื่อเตรียมนำชิ้นส่วนที่ได้มาไปปลูกถ่ายบริเวณที่หนังศีรษะของคุณประสบปัญหา
- แพทย์จะทำการตัดชิ้นหนังที่นำออกมาให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และเริ่มใช้เข็ม หรือใบมีดผ่าตัดเจาะเป็นรูขนาดเล็กบนบริเวณหนังศีรษะที่จะทำการแก้ไขปัญหา
- จากนั้นจึงจะทำการนำชิ้นเนื้อเหล่านี้เข้าไปปลูกถ่าย
- เมื่อเสร็จสิ้นการผ่าตัดแพทย์จะทำการนำอุปกรณ์ครอบแผล เช่น ผ้าก๊อซ มาพันปิดปากแผลของคุณไว้โดยรอบ
-
การปลูกผมไร้แผลเย็บ (Follicular unit extraction ; FUE)
เป็นการผ่าตัดที่อาจถูกใจหลาย ๆ คน เนื่องจากเป็นวิธีที่ไร้การเย็บแผล และลดโอกาสการเกิดแผลเป็นบนหนังศีรษะได้น้อยที่สุด ดังขั้นต่อไปนี้
- แพทย์ของคุณจะทำการใช้อุปกรณ์เจาะเก็บรากผมที่ได้ทำการวิเคราะห์ และกำหนดไว้เบื้องต้นออก
- จากนั้นแพทย์จะทำการเจาะรูเล็ก ๆ บนหนังศีรษะที่ควรได้รับการแก้ไขปัญหา และทำการ ปลูกถ่ายรากผมเข้าไปภายในรูที่เจาะไว้ คล้ายกับเทคนิค FUT
- เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนแพทย์จะทำการคลุมศีรษะคุณไว้ด้วยผ้าพันแผลเช่นเดียวกัน
ในการผ่าตัดทั้งสองเทคนิค คนส่วนใหญ่อาจเห็นการพัฒนาการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ชัดเจน ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน หรือราว ๆ ประมาณ 6-9 เดือน ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนถึงผมใหม่ที่เกิดขึ้นได้มากถึง 60% เลยทีเดียว
หลังการผ่าตัด ปลูกผม ควรดูแลตนเองอย่างไรบ้าง
หลังจากที่ยาชาหมดฤทธิ์ คุณอาจรู้สึกถึงความเจ็บปวดเล็กน้อยจากแผลผ่าตัดทั่วทั้งหนังศีรษะ ซึ่งคุณจำเป็นต้อง ดูแลแผลผ่าตัดให้ดี ตามที่ทางแพทย์แนะนำ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อนำไปสู่อาการอักเสบรุนแรง ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสระผมในทันที ให้ทิ้งระยะประมาณ 2-3 วัน หลังการผ่าตัด โดยใช้แชมพูที่มีค่าความเป็นกรด-ด่างที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ
- อย่าหวีผมแรง หรือกดหวีลงไปบริเวณแผลผ่าตัดประมาณ 3 สัปดาห์
- งดสวมหมวก หรืออุปกรณ์คลุมหนังศีรษะจนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากแพทย์
- งดกิจกรรมการใช้แรงหนัก หรือการออกกำลังกายประมาณ 1 สัปดาห์
- รับประทานยาตามใบสั่งแพทย์ เช่น ยาแก้ปวด (ไอบูโพรเฟน ; Ibuprofen) ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ ยาลดอาการบวมอักเสบ ยากระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ปลูกถ่าย เช่น ไมนอกซิดิล (Minoxidil)
ผลข้างเคียงของการ ปลูกผม ที่คุณควรรู้
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการที่คุณผ่าตัดปลูกผมไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรืออยู่ในช่วงพักฟื้นตัว ได้แก่
- การติดเชื้อ
- น้ำเหลือง หรือมีหนองไหลรอบ ๆ แผลผ่าตัด
- รู้สึกคันระคายเคืองหนังศีรษะ และหนังศีรษะอักเสบ
- เส้นผมของคุณอาจยังมีการหลุดร่วงอยู่บ้าง
- เลือดออกตามรูขุมขนบนหนังศีรษะ
- วิงเวียนศีรษะ มึนงง
หากผลข้างเคียงเหล่านี้มีความรุนแรงขึ้นจากเดิม โปรดเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ในทันที เพื่อที่คุณจะได้รับการรักษาอาการอื่น ๆ ร่วมได้อย่างเท่าทัน ก่อนเกิดอันตรายรุนแรงต่อสุขภาพตามมา