การใช้ถุงยางอนามัย คือ การสวมใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ ซึ่งนับเป็นวิธีที่ปลอดภัย ใช้ได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ค่าใช้จ่ายน้อย และมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ทั้งนี้ การใช้ถุงยางอนามัยจำเป็นต้องใส่ให้ถูกวิธีเพื่อการป้องกันที่ได้ผล และมีข้อควรระวังที่จำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนใช้งาน
ถุงยางอนามัย คืออะไร
ถุงยางอนามัย เป็นอุปกรณ์สำหรับคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยการสวมใส่ให้อวัยวะเพศ ส่วนใหญ่ทำจากน้ำยางธรรมชาติหรือน้ำยางสังเคราะห์ มีขนาดเล็กและบาง แต่ขยายได้ตามขนาดของอวัยวะเพศ แยกเป็นถุงยางอนามัยสำหรับเพศชายและสำหรับเพศหญิง ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้
- ถุงยางอนามัยสำหรับเพศชาย เป็นแบบใช้ภายนอก โดยสวมครอบองคชาตเมื่อแข็งตัว เพื่อป้องกันน้ำอสุจิไหลเข้าสู่ช่องคลอด และอาจทำให้ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม รวมถึงป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน หนองในเทียม ซิฟิลิส หูดหงอนไก่ เอชไอวี (HIV)
- ถุงยางอนามัยของผู้หญิง เป็นแบบใช้ภายใน โดยสอดเข้าไปในช่องคลอด เพื่อไม่ให้น้ำอสุจิไหลเข้าสู่ช่องคลอด และป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หากใช้อย่างถูกวิธี ถุงยางอนามัยจะลดโอกาสตั้งครรภ์และการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้ประมาณ 98 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าใช้ผิดวิธีหรือไม่เหมาะสม ประสิทธิภาพของการป้องกันโรคและการตั้งครรภ์อาจลดลงเหลือ 75 เปอร์เซ็นต์
การใช้ถุงยางอนามัย ที่ถูกต้อง ทำอย่างไร
วิธีการใช้ถุงยางอนามัย ทั้งของเพศชายและของเพศหญิง มีดังต่อไปนี้
การใช้ถุงยางอนามัยสำหรับเพศชาย
- นำถุงยางอนามัยออกจากห่อ เวลาฉีดซองให้ระวังไม่ให้ถุงยางอนามัยเสียหาย ฉีดขาด ควรตรวจสอบว่ายังอยู่ในสภาพดี ไม่ขาด ไม่รั่วทุกครั้งก่อนการใช้งาน
- หากพบว่าถุงยางอนามัยหมดอายุ หรือมีลักษณะผิดปกติ เช่น แข็งเกินไป เหนียวเหนอะ ควรทิ้งและเปลี่ยนใช้อันใหม่
- สวมถุงยางเมื่อองคชาตแข็งตัว ก่อนสอดใส่เข้าไปในช่องคลอดหรือทวารหนักของคู่นอน
- ระหว่างสวมถุงยางอนามัย ควรเหลือส่วนปลายไว้เล็กน้อย สำหรับเก็บน้ำอสุจิ นอกจากนี้ ควรบีบส่วนปลายเพื่อไล่อากาศออก ก่อนรูดส่วนที่เหลือให้ลงมาครอบองคชาต
- ขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรหมั่นดูว่าถุงยางอนามัยเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมหรือไม่
- เมื่อหลั่งน้ำอสุจิแล้ว ให้ค่อย ๆ ดึงองคชาตออกจากช่องคลอดหรือทวารหนัก ในขณะที่องคชาตยังแข็งตัวอยู่ โดยใช้มือช่วยจับถุงยางอนามัยด้วย ป้องกันไม่ให้อสุจิไหลออกมา
- ก่อนทิ้งถุงยางอนามัยลงถังขยะ ควรห่อด้วยกระดาษชำระก่อน ไม่ควรทิ้งลงชักโครก เพราะอาจทำให้ชักโครกอุดตัน
หากพบว่าถุงยางอนามัยฉีกหรือขาดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ควรหยุดมีเพศสัมพันธ์ทันที แล้วเปลี่ยนใช้ถุงยางอนามัยอันใหม่
นอกจากนี้ เมื่อหลั่งน้ำอสุจิแล้ว และต้องการมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง ควรใช้ถุงยางอนามัยใหม่ ไม่ใช้อันเดิม เนื่องจากถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว จะขาดง่ายกว่าถุงยางที่ยังไม่ได้ใช้ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ลดลง
การใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง
- นำถุงยางอนามัยออกจากห่อ โดยระวังไม่ให้ถุงยางอนามัยเสียหาย และไม่ฉีกห่อถุงยางอนามัยด้วยฟันเพื่อป้องกันการฉีกขาด
- คลี่ถุงยางอนามัยออก แล้วสอดส่วนที่คลี่แล้วเข้าไปในช่องคลอด โดยใช้นิ้วช่วยดันเข้าไปให้ลึกภายในช่องคลอด ขณะที่ส่วนที่เป็นวงแหวนควรอยู่ด้านนอก โดยคลุมบริเวณปากช่องคลอดไว้
- ขณะมีเพศสัมพันธ์ ต้องมั่นใจว่าองคชาตสอดใส่เข้ามาในช่องคลอดที่มีถุงยางอนามัย
- เมื่อฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิเข้าไปในช่องคลอดแล้ว ให้ดึงถุงยางอนามัยออกจากช่องคลอดช้า ๆ แล้วบิดส่วนที่เป็นวงแหวน เพื่อไม่ให้น้ำอสุจิไหลออกมาข้างนอกเพราะอาจเข้าสู่ช่องคลอดได้
- ห่อถุงยางด้วยกระดาษชำระก่อนทิ้งถุงยางอนามัยลงในถังขยะ
ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยส่วนที่อยู่นอกช่องคลอด อาจหลุดเข้าไปในช่องคลอดได้ หากกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น ให้หยุดมีเพศสัมพันธ์ แล้วดึงส่วนที่หลุดเข้าไปออกมา หากเกิดการฉีกขาดควรเปลี่ยนถุงยางอนามัยใหม่ และไม่ควรใช้ซ้ำ
ทั้งนี้ ถุงยางอนามัยสำหรับเพศหญิง ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อต้องสอดใส่ถุงยางหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในอวัยวะเพศ รวมทั้งไม่ชอบสัมผัสอวัยวะเพศของตัวเอง เพราะอาจทำให้ใส่แบบไม่ถูกวิธี ทำให้การป้องกันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และอาจทำให้บรรยากาศระหว่างมีเพศสัมพันธ์แย่ลงหรือหยุดชะงักได้ อาจเปลี่ยนให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยแทน ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่า
คำแนะนำในการใช้ถุงยางอนามัย
คำแนะนำอื่น ๆ เกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัย มีดังนี้
- การเก็บรักษา ถุงยางอนามัยควรเก็บในที่แห้งและไม่ร้อน เนื่องจากความร้อนอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสียหายหรือขาดง่ายขึ้นได้ นอกจากนี้ ผู้ชายไม่ควรพกถุงยางอนามัยไว้ในกระเป๋าสตางค์ เพราะผู้ชายมักเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้ที่กระเป๋ากางเกง หากนั่งทับ อาจทำให้เกิดความร้อน และถุงยางเสื่อมสภาพได้
- หากแพ้ยาง เมื่อพบว่าตัวเองคัน แสบ บริเวณอวัยวะเพศหรือรอบ ๆ เมื่อสวมถุงยางอนามัย อาจหมายถึงอาการแพ้ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติ ควรหยุดใช้ และล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศ เปลี่ยนไปใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางสังเคราะห์แทน เช่น ถุงยางจากอนามัยพอลิยูรีเทน (Polyurethane) ถุงยางอนามัยจากพอลิไอโซพรีน (Polyisoprene)
- สารหล่อลื่น เมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยสวมถุงยางอนามัย ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นซึ่งมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เช่น โลชั่น มอยเจอร์ไรเซอร์ วาสลีน เบบี้ออยล์ เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสียหาย ฉีกหรือขาดได้ง่าย หากต้องการให้การสอดใส่ง่ายขึ้น ควรใช้สารหล่อลื่นซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก
- ไม่ควรใส่ถุงยางอนามัยซ้อนกัน เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้ง่ายขึ้น