การจูบ คือ พฤติกรรมแสดงความรัก ความห่วงใย และความต้องการทางเพศ ทั้งยังเป็นการเล้าโลมที่อาจช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศก่อนมีเซ็กส์ หรือระหว่างมีเซ็กส์ วิธีการจูบ ที่ดีอาจเริ่มจากการจูบอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ ไต่ระดับไปถึงการจูบแบบดูดดื่ม อย่างไรก็ตาม การจูบก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เกิดการเจ็บป่วยจากการสัมผัสน้ำลาย เช่น ไข้หวัด หูด เริม
[embed-health-tool-ovulation]
การจูบมีประโยชน์อย่างไร
การจูบอาจมีประโยชน์ต่อสุขกายและจิตใจ ดังนี้
- เผาผลาญแคลอรี่ การจูบอาจช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ 8-16 กิโลแคลอรี่ เนื่องจากขณะที่จูบเพื่อเล้าโลมและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศก่อนมีเพศสัมพันธ์ อาจทำให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว หากยิ่งจูบอย่างร้อนแรง ดูดดื่มเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่มากเท่านั้น
- ลดความดันโลหิต การจูบอย่างดูดดื่มอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสูบฉีดเลือดจนนำไปสู่การขยายของหลอดเลือด ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการปวดหัว และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
- บรรเทาอาการแพ้ การจูบกับคู่รักอาจทำให้ได้รับแบคทีเรียที่ดีในช่องปากของอีกฝ่าย ทำให้เพิ่มภูมิคุ้มกันที่อาจช่วยบรรเทาอาการแพ้จากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น อีกทั้งยังอาจช่วยลดความเครียดที่เป็นสาเหตุหนึ่งในการกระตุ้นทำให้อาการแพ้แย่ลง
- ป้องกันฟันผุ อาการฟันผุเกิดจากเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันและการสะสมของแบคทีเรีย การจูบจึงอาจช่วยกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายมากขึ้น ช่วยให้เศษอาหารไม่ติดฟัน กำจัดคราบพลัค จึงอาจช่วยป้องกันฟันผุได้
- ใบหน้ากระชับและผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัย ใบหน้ามีกล้ามเนื้อประมาณ 2-34 มัด การจูบจึงทำให้มีการขยับใบหน้าและใช้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น นำไปสู่ใบหน้าที่กระชับ ชะลอการเกิดริ้วรอย ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัย
- กระชับความสัมพันธ์ของคู่รัก การจูบเป็นพฤติกรรมการแสดงความรักที่อาจทำให้เกิดความผูกพันธ์ ความใกล้ชิดมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นกำลังใจให้กับอีกฝ่ายเมื่อเจอเรื่องเครียด หรือมีเรื่องน่ายินดีในชีวิต ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความสัมพันธ์ในเชิงบวก
- มีสุขภาพจิตดี การจูบอาจกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุข เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) โดพามีน (Dopamine) และลดฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด ทำให้ทั้งคู่รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้า
วิธีการจูบ กระตุ้นอารมณ์เมื่อร่วมรัก
การจูบที่ดีควรเป็นการยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะอาจช่วยสร้างความรู้สึกดี ๆ นำไปสู่การกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเมื่อร่วมรักได้ง่ายขึ้น โดยวิธีการจูบมีดังนี้
- จูบแบบโรแมนติก เป็นการจูบที่อาจสื่อถึงความรักที่มีให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน โดยการโน้มตัวลงมาจูบและออกห่างเพื่อสบสายตา ก่อนจะเริ่มดูดริมฝีปากอย่างเบา ๆ
- จูบแบบดูดดื่ม เป็นการจูบโดยการเริ่มจากการเอียงศีรษะเล็กน้อย เพื่อปรับตำแหน่งให้เข้ากันและจูบอย่างเร่าร้อน สามารถใช้ลิ้นสอดเข้าช่องปากควบคู่ไปกับการลูบไล้สัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย
- การจูบบริเวณอื่น ๆ การจูบไม่จำเป็นต้องจูบที่ปากเพียงจุดเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถจูบบริเวณอื่น ๆ ที่เป็นจุดกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ เช่น คาง ติ่งหู ต้นคอ ข้อมือ หน้าอก หน้าท้อง ต้นขา โดยอาจค่อย ๆ ไล่ระดับจากบนลงล่าง หรือตั้งแต่ส่วนล่างขึ้นบน
- การจูบแบบ Drink Kiss เป็นการเพิ่มเทคนิคการจูบด้วยการใช้เครื่องดื่มเข้ามาช่วย โดยอาจลองเทเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น เบียร์ ไวน์ ในปากของคู่รักเล็กน้อย และจูบเบา ๆ หรือดูดดื่มตามอารมณ์ในช่วงเวลานั้น
- จูบแบบ Candy Kiss วิธีการจูบนี้มีความน่ารัก อ่อนโยน ขี้เล่น และเย้ายวน โดยทั้งคู่อมลูกอมที่มีรสชาติต่างกันและแลกเปลี่ยนกันขณะจูบ
- จูบริมฝีปากล่าง คือ การจูบในลักษณะนอนคว่ำหน้า โดยทั้งคู่หันหน้าเข้าหากันในลักษณะแบบตรงข้าม เพื่อให้ริมฝีปากบนของทั้ง 2 ฝ่ายอยู่บริเวณริมฝีปากล่างของกันและกันก่อนจะเริ่มจูบ
- จูบแบบกัดริมฝีปาก อาจช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ และรู้สึกเย้ายวนมากขึ้น เพียงแค่จับริมฝีปากฝ่ายตรงข้ามและโน้มตัวจูบและกัดเบา ๆ
- จูบหลังด้วยน้ำแข็ง อาจเป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ โดยอมน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ และจูบตามกระดูกสันหลังไล่ลงไปด้านล่างแบบเย้ายวน เพราะบริเวณหลังเต็มไปด้วยเส้นประสาทที่ไวต่อการสัมผัส จึงอาจช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ จากนั้นกลับขึ้นมาจูบที่ริมฝีปากจนกว่าน้ำแข็งจะหมด
การจูบเสี่ยงเป็นโรคติดต่อได้หรือไม่
การจูบอาจทำให้เกิดโรคติดต่อได้ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่สัมผัสกับน้ำลายโดยตรง จึงอาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายของแบคทีเรีย ไวรัส ที่อาจนำไปสู่ภาวะต่าง ๆ ดังนี้
โควิด-19
คือ ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ปัจจุบันมีการกลายพันธุ์หลายชนิด ทั้งยังสามารถแพร่กระจายผ่านการไอ จาม การจูบ หรือการสูดดมละอองน้ำลายที่ลอยอยู่ในอากาศ จนเกิดการติดเชื้อที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ อาการของโควิด-19 อาจสังเกตได้จาก
- ไข้ขึ้นสูงกว่า 37.5 องศา
- เจ็บคอ
- หายใจลำบาก
- ท้องร่วง
บางคนอาจมีอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน โดยเฉพาะโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ดังนั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ควรหลีกเลี่ยงการจูบเพราะอาจทำให้ได้รับเชื้อไวรัส และเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อาจช่วยบรรเทาอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อ
ไข้หวัดใหญ่
เกิดจากการติดเชื้อของไวรัสจากละอองน้ำลายผ่านการไอ จาม พูดคุย สัมผัสกับสิ่งของที่ติดเชื้อ และการจูบ อาการของไข้หวัดใหญ่อาจสังเกตได้จาก
- มีไข้ขึ้น
- ปวดศีรษะ
- ไอเรื้อรัง
- อาเจียน
- ท้องร่วง
- หายใจถี่
- ปวดตา
ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการจูบ ล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 20 วินาที ก่อนสัมผัสใบหน้า และทำความสะอาดวัตถุที่อาจเป็นพาหะ เช่น กลอนประตู สวิตช์ไฟ และฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี
ต่อมน้ำเหลืองบวม
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus) บริเวณต่อมน้ำเหลือง ที่แพร่กระจายผ่านทางการจูบ และการสัมผัสน้ำลาย อาการต่อมน้ำเหลืองบวมอาจสังเกตได้จาก
- มีไข้
- น้ำมูกไหล
- เจ็บคอ
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
ไวรัสตับอักเสบบี
เป็นการติดเชื้อที่ตับอย่างรุนแรง มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส ถึงแม้จะไม่สามารถแพร่กระจายผ่านการไอหรือจาม แต่อาจเกิดการติดเชื้อได้เมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งในร่างกาย เช่น อสุจิ เลือด น้ำลาย ดังนั้น การจูบจึงอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้
- มีไข้
- อาเจียน
- ปวดข้อ
- ปวดท้อง
- เบื่ออาหาร
- ปัสสาวะสีเข้ม
- สีผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
ดังนั้นเพื่อบรรเทาอาการรุนแรง ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 3-4 เดือน
โรคเริมในช่องปาก
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 ผ่านการจูบ แต่ก็อาจสามารถแพร่กระจายก่อให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศได้เช่นกัน หากมีเพศสัมพันธ์ผ่านทางปาก เช่น ออรัลเซ็กส์ โรคเริมในช่องปากอาจอยู่ได้นาน 2-3 สัปดาห์ ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อรู้สึกปวดกล้ามเนื้อ อารมณ์แปรปรวน และมีตุ่มพุพองในช่องปากบริเวณเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก และอาจส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองที่คอบวม
ไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Disease)
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย เมนิงไจไทดิส (Neisseria Meningitidis) ผ่านการจูบ การพูดคุย เป็นโรคร้ายแรงที่อาจทำให้เยื่อบุสมองและไขสันหลังติดเชื้อ นำไปสู่เยื่อหุ้มสมองอักเสบ บางคนอาจติดเชื้อในกระแสเลือด หรือที่เรียกว่า ภาวะโลหิตเป็นพิษ ซึ่งสามารถส่งผลให้ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นหากสังเกตพบว่า มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนกะทันหัน ควรพบคุณหมอทันที
ฟันผุ
การจูบอาจทำให้ได้รับแบคทีเรียชนิดไม่ดี เช่น สเตร็พโตคอคคัส มิวแทนส์ (Streptococcus Mutansmutans) พอร์ไฟโรโมแนส จิงจิวาลิส (Porphyromonas Gingivalis) ที่อาจส่งผลให้เกิดฟันผุได้