จิมิหรือช่องคลอดอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งมักเกิดจากการไม่รักษาความสะอาด รวมถึงการติดเชื้อ ทั้งนี้ วิธีล้างจิมิ ไม่ให้มีกลิ่น ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการล้างจิมิด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิห้องวันละ 2 ครั้ง โดยอาจเลือกใช้คู่กับสบู่ฤทธิ์อ่อนหรือสบู่เหลวสำหรับจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะ
[embed-health-tool-bmi]
กลิ่นจิมิ เกิดจากอะไร
ปกติแล้ว จิมิสุขภาพดีมักไม่ส่งกลิ่นใด ๆ หรือส่งกลิ่นอ่อน ๆ ในบางรายอาจมีกลิ่นเปรี้ยวเล็กน้อยคล้ายกลิ่นผลไม้ กลิ่นคล้ายน้ำตาลไหม้ หรือกลิ่นคล้ายกับโลหะก็ได้ ขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนเพศในแต่ละช่วงรวมทั้งการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน
อย่างไรก็ตาม ในบางราย จิมิอาจส่งกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- การไม่รักษาความสะอาด รวมถึงการมีเหงื่อออกมากบริเวณขาหนีบจนนำไปสู่การหมักหมมของเชื้อโรค จึงทำให้เกิดกลิ่นเหม็น
- ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) เกิดจากการเสียสมดุลของกรด-เบสบริเวณช่องคลอด หรือมีแบคทีเรียก่อโรคจำนวนมากเกินไป เมื่อมีภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย จิมิจะมีกลิ่นคาวปลา ร่วมกับมีอาการคัน ขัดแสบเมื่อปัสสาวะ หรือมีของเหลวสีเขียวหรือเทาไหลออกมาจากช่องคลอด
- โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) เกิดจากเชื้อปรสิตทริโคโมแนส วาจินาลิส (Trichomonas Vaginalis) ซึ่งแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ เมื่อเป็นโรคนี้ จิมิจะมีกลิ่นและอาการที่คล้ายกับเมื่อมีภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
- การหมักหมมของผ้าอนามัย หรือการใส่ผ้าอนามัยไว้นานเกินไป อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นได้ ทั้งนี้ ในช่วงที่มีประจำเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 4-8 ชั่วโมงเพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์และการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
- ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งพบได้ไม่บ่อย เช่น การทะลุระหว่างทวารหนักกับช่องคลอด (Rectovaginal Fistula) มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด เนื้องอกบริเวณปากมดลูก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
วิธีล้างจิมิ ไม่ให้มีกลิ่น ทำอย่างไร
การล้างจิมิตามคำแนะนำต่อไปนี้ อาจช่วยให้จิมิสะอาด เสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยลง และช่วยป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
- ล้างจิมิด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิห้อง และซับให้แห้งด้วยผ้าเช็ดตัวหรือกระดาษชำระเนื้อนุ่ม
- ล้างจิมิวันละ 1-2 ครั้ง เวลาอาบน้ำ หรือมากกว่านั้นหากทำกิจกรรมกลางแจ้งจนมีเหงื่อออกมากหรือออกกำลังกาย
- เลือกใช้สบู่ฤทธิ์อ่อนหรือไม่ผสมน้ำหอม ความจริงแล้ว การล้างจิมิไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ แต่หากต้องการใช้สบู่ ควรเลือกเป็นสบู่ฤทธิ์อ่อนหรือไม่ผสมน้ำหอมเพราะสบู่ฤทธิ์แรงหรือสบู่ที่ผสมน้ำหอมอาจทำให้ระคายเคืองได้
- ไม่สวนล้างจิมิหรือไม่ให้น้ำหรือสบู่เข้าไปข้างในช่องคลอด เพราะอาจเป็นสาเหตุให้จิมิสูญเสียสมดุลของจุลชีพตามธรรมชาติ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์มากกว่าเดิม โดยปกติ จิมิมีกลไกตามธรรมชาติในการทำความสะอาดตัวเองอยู่ตลอดเวลา ด้วยการผลิตเมือกซึ่งช่วยในการขับเลือด คราบอสุจิ หรือสารคัดหลั่งอื่น ๆ ออกนอกร่างกาย
กลิ่นจิมิ ป้องกันได้อย่างไร
กลิ่นไม่พึงประสงค์ของจิมิ อาจป้องกันได้หากปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ทำความสะอาดจิมิทุกวัน ตามคำแนะนำข้างต้น
- ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอด และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
- หลังจากถูกสอดใส่ทางทวารหนัก ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางจิมิ
- สวมกางเกงชั้นในที่ทำจากฝ้าย เพราะระบายอากาศได้ดี และไม่ทำให้จิมิอับชื้น
- ในช่วงที่มีประจำเดือนเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 4- 6 ชั่วโมง และไม่ควรใช้แผ่นอนามัยทุกวันแม้ขณะไม่มีประจำเดือนเพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดง่ายขึ้น
- ดื่มน้ำในปริมาณมาก เพื่อกระตุ้นการขับสารคัดหลั่งภายในจิมิ ซึ่งช่วยทำความสะอาดจิมิ และกำจัดสารตกค้างจากปัสสาวะที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นได้
- หลังปัสสาวะ ให้เช็ดจิมิก่อนทวารหนัก เพราะการทำความสะอาดทวารหนักก่อนอาจทำให้แบคทีเรียจากทวารหนักแพร่กระจายไปยังช่องคลอดได้ง่ายและนำไปสู่การติดเชื้อได้