ตับโต เป็นภาวะที่ตับมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แพ้ยา ติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย มะเร็งตับ ไขมันในตับ ส่งผลให้มีอาการอาเจียน น้ำหนักลด อ่อนเพลีย แน่นท้อง หากไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลกระทบต่อตับในระยะยาวจนอาจทำให้ตับเสียหายได้ ดังนั้น จึงควรหมั่นสังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบความปกติควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจนิจฉัยและทำการรักษา
[embed-health-tool-bmi]
คำจำกัดความ
ตับโต คืออะไร
ตับโต (Hepatomegaly) คือ ภาวะที่ตับมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ในผู้ป่วยบางรายอาจส่งผลให้ตับและม้ามมีขนาดโตขึ้นพร้อมกัน โดยจะเรียกว่า ภาวะตับและม้ามโต (Hepatosplenomegaly)
ตับเป็นอวัยวะหนึ่งในระบบย่อยอาหาร ที่ช่วยกระบวนการย่อยอาหาร และทำหน้าที่สำคัญอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น สร้างน้ำดีเพื่อช่วยสลายอาหารให้เป็นพลังงาน สังเคราะห์สารเคมีที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนต่าง ๆ ช่วยกำจัดสารพิษต่าง ๆ จากเส้นเลือด เช่น สารพิษจากยา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมการสะสมไขมัน รวมทั้งการสร้างและปลดปล่อยคอเลสเตอรอล
อาการ
อาการของตับโต
สัญญาณบ่งชี้และอาการของตับโต อาจมีดังนี้
- อาการปวดบริเวณช่องท้องด้านขวาบน
- อ่อนเพลีย
- ปวดกล้ามเนื้อ
- คลื่นไส้
- เบื่ออาหารและน้ำหนักลด
- ผิวหนังและตาขาวเป็นสีเหลือง (ดีซ่าน)
ภาวะตับโตอาจเกิดจากโรคต่าง ๆ ที่รุนแรง หากไม่เข้ารับการรักษาอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนขั้นรุนแรง ดังนี้
- ภาวะตับแข็ง
- โรคสมองจากโรคตับ (Hepatic Encephalopathy)
- โรคมะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma)
- ภาวะตับวาย (Liver Failure)
- ความดันโลหิตสูงในหลอดเลือดดำที่เข้าสู่ตับไปสู่หัวใจ
- มะเร็งลุกลาม
- การติดเชื้อลุกลาม
ควรไปพบหมอเมื่อใด
ควรเข้าพบคุณหมอหากมีอาการใด ๆ ที่กล่าวถึงข้างต้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์และภาวะของโรคมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน จึงควรเข้าพบคุณหมออย่างสม่ำเสมอเพื่อวินิจฉัย และรักษาอย่างเหมาะสม
สาเหตุ
สาเหตุของตับโต
ภาวะตับโตอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
อาการตับอักเสบ หรือไขมันพอกตับ
- ความผิดปกติทางพันธุกรรม ที่ทำให้มีการสะสมตัวของไขมัน โปรตีน หรือสารอื่น ๆ
- โรคอ้วน
- การติดเชื้อ
- การใช้ยาบางชนิด
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- สารพิษต่าง ๆ
- โรคตับอักเสบบางชนิด
- โรคแพ้ภูมิตนเอง
- กลุ่มอาการเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง ระดับคอเรสเตอรอลสูง ไขมันในช่องท้องสูง
การเจริญเติบโตผิดปกติของอวัยวะภายใน
- ถุงน้ำ
- เนื้องอกที่เริ่มเกิดในหรือแพร่กระจายไปยังตับ
ปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนโลหิต
- หัวใจวาย ซึ่งเป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดโลหิตได้ดี
- ลิ่มเลือดในหลอดเลือดตับ ซึ่งเป็นการอุดตันของหลอดเลือดในตับ
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของตับโต
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะตับโต อาจมีดังนี้
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- การใช้ยา วิตามิน หรืออาหารเสริมในปริมาณมาก
- การใช้สมุนไพร
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลที่นำเสนอในที่นี้ ไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัย
โดยทั่วไปแล้ว คุณหมอจะทำการตรวจร่างกายเพื่อดูว่าตับมีขนาดใหญ่กว่าปกติหรือไม่ อาจมีการตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้ตับโต นอกจากนี้ คุณหมอยังอาจให้มีการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
- อัลตราซาวด์ (Ultrasound)
- การตรวจด้วยซีทีสแกน (CT Scan)
- การตรวจด้วยการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
การรักษา
ทางเลือกในการรักษาขึ้นอยู่กับความผิดปกติพื้นฐานที่ทำให้เกิดภาวะตับโต หรือคุณหมออาจแนะนำทางเลือกอื่น ๆ ดังนี้
- การใช้ยาและการรักษาภาวะตับวาย หรือการติดเชื้อ เช่น ไวรัสตับอักเสบซี
- การใช้เคมีบำบัด หรือการฉายรังสีสำหรับมะเร็งตับ
- การผ่าตัด
- การปลูกถ่ายตับ สำหรับตับที่ได้รับความเสียหาย
- การรักษาสาเหตุของมะเร็งระยะแพร่กระจาย
- การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระดับการลุกลาม และสุขภาพโดยทั่วไปของผู้ป่วย
- การเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเลิกใช้ยาเสพติดอื่น ๆ
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับภาวะตับโต
เนื่องจากมีปัจจัยเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์หลายประการที่ทำให้เกิดภาวะตับโต การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ป่วยอาจลดความเสี่ยงสำหรับตับโตได้ ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน คุณหมออาจแนะนำให้ลดน้ำหนักด้วย
- หากเป็นโรคเบาหวาน ควรควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดดื่ม โดยคุณหมอสามารถบอกได้ว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคุณมากเกินไปหรือไม่
- ปรึกษาคุณหมอก่อนรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามิน เนื่องจากอาจมีปฏิกิริยาต่อการทำงานของตับ
- ปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการบริโภคอาหารเสริมสมุนไพร
- ปฏิบัติตามข้อแนะนำของนายจ้างอย่างเคร่งครัด เกี่ยวกับการจัดการความปลอดภัย หากต้องทำงานกับสารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบฉีดละออง
หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ