backup og meta

บรรเทาอาการปวดท้อง แบบไม่ต้องพึ่งยา ด้วยวัตถุดิบหาง่ายใกล้ตัว

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ฤทธิศักดิ์ วงศ์วุฒิพงษ์ · แก้ไขล่าสุด 24/09/2020

    บรรเทาอาการปวดท้อง แบบไม่ต้องพึ่งยา ด้วยวัตถุดิบหาง่ายใกล้ตัว

    อาการปวดท้องเป็นอาการทั่วไปที่ทุกคนเคยเป็น อาการปวดท้องเกิดจากสาเหตุมากมาย ส่วนใหญ่ อาการมักไม่รุนแรงและทุเลาลงอย่างรวดเร็วหากรู้จักวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ วิธีการรักษาอาการปวดท้องเหล่านี้สามารถหาได้ในครัว ลองใช้วิธีการที่ Hello คุณหมอ ที่เรานำมาฝากต่อไปนี้ เพื่อช่วย บรรเทาอาการปวดท้อง โดยไม่ต้องใช้ยา

    บรรเทาอาการปวดท้อง ด้วยวัตถุดิบหาง่ายในครัวเรือน

    ขิง

    ตั้งแต่อดีต ขิงถูกใช้ในการรักษาอาการต่างๆ ตั้งแต่คลื่นไส้ไปจนถึงอาการปวดข้อ ในปัจจุบัน งานวิจัยบางชิ้นระบุว่า ขิงสามารถรักษาอาการปวดท้องได้ดี

    สารเคมีทางธรรมชาติที่พบในชิง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อเรียบที่อยู่ในผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ผ่อนคลาย ดังนั้น ขิงจึงช่วยบรรเทาอาการปวดเกร็งที่ท้อง และอาการปวดท้องบีบเป็นระยะๆ รวมถึงอาการอักเสบได้อีกด้วย ลองใส่ขิงในชาร้อน หากคุณสามารถทนรสชาติของขิงได้ ลองรับประทานขิงสด

    เปปเปอร์มินท์

    เปปเปอร์มินท์ หรือ สะระแหน่ (Peppermint) มีส่วนผสมของเมนทอล (Menthol) ซึ่งเป็นสารเคมีไม่เพียงช่วยให้ลมหายใจสดชื่น แต่ยังเป็นยาระงับปวดตามธรรมชาติ ทำให้เปปเปอร์มินท์เป็นการรักษาที่เป็นที่นิยมสำหรับอาการคลื่นไส้และปวดท้อง

    เปปเปอร์มินท์เหมือนขิง ที่ใช้ได้ในหลายรูปแบบ อาจใส่ในชาร้อน หรือเป็นส่วนผสมของอาหาร หรือเพียงเคี้ยวใบสะระแหน่ ก็จะช่วยเรื่องการย่อยอาหารและกระตุ้นความอยากอาหาร เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาอาหารปวดเกร็งจากประจำเดือนอีกด้วย

    น้ำมะนาวอุ่น

    นอกจากช่วยให้สดชื่นในวันที่อากาศร้อน เมื่อดื่มแบบเย็นแล้ว น้ำมะนาวอุ่นยังช่วยรักษาอาการปวดท้องได้อีกด้วย คุณอาจสงสัยว่าจะช่วยได้อย่างไร ในเมื่อมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด จริงๆ แล้วน้ำมะนาวช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย แต่ควรหลีกเลี่ยง หากมีอาการกรดไหลย้อน เมื่อเกิดอาการอาหารไม่ย่อย คุณอาจรู้สึกไม่สบายท้อง น้ำมะนาวจะช่วยกระตุ้นการผลิตกรดออกมาเพื่อช่วยย่อย

    เพียงแค่บีบมะนาวครึ่งลูกผสมกับน้ำและเติมน้ำตาลเล็กน้อย คุณก็จะได้เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่ออาการปวดท้อง ไม่ควรใส่มะนาวมากเกินไปหรือน้ำตาลมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ได้ อาจใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล ซึ่งเพิ่มคุณประโยชน์ให้กับเครื่องดื่มแก้วนี้

    น้ำข้าว

    น้ำข้าวก็คือน้ำที่เหลือจากการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ น้ำข้าวสามารถบรรเทาอาาการปวดท้อง โดยการสร้างเยื่อหุ้มกระเพาะอาหาร เพื่อลดอาการอักเสบ คุณอาจหุงข้าวโดยใช้ปริมาณเป็นสองเท่า โดยปกติการหุงข้าวครึ่งถ้วย จะใช้น้ำสองถ้วย หุงข้าวตามปกติและปิดฝาหม้อ รินน้ำออกและเติมน้ำผึ้ง คุณสามารถเก็บข้าวไว้รับประทานได้อีก

    น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล

    น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar) เป็นยารักษาอาการปวดท้องที่มีมาช้านาน คุณอาจสงสัยว่าน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลทำงานอย่างไร ทั้งๆ ที่มีความเป็นกรดสูงมาก ยังไม่มีงานวิจัยออกมารับรองเกี่ยวกับฤทธิ์ของมัน แต่หลายคนยืนยันว่าใช้ได้ผล หลักการหนึ่งอธิบายว่า น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลนั้นมีกรดที่อ่อนกว่ากรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งช่วยสร้างสมดุลการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร

    อีกทั้งยังช่วยย่อยไขมัน ที่เป็นสาเหตุของอาการอาหารไม่ย่อย หากคุณรู้สึกว่ารสของน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลแรงเกินไป สามารถผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลกับน้ำผึ้งหนึ่งช้อนชาและน้ำ และจิบช้าๆ

    โยเกิร์ต

    คุณอาจลองรับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ซึ่งดีต่อระบบภูมิคุ้มกันด้วยฤทธิ์ของการกระตุ้นโพรไบโอติก โยเกิร์ตเป็นแบคทีเรียธรรมชาติที่บรรเทาอาการไม่สบายท้อง ควรรับประทานโดยไม่เติมน้ำตาล แต่อาจใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยได้

    อาหาร BRAT (กล้วย ข้าว ซอสแอปเปิ้ล และขนมปังปิ้ง)

    ส่วนผสมของอาหารหลายชนิดเหล่านี้ที่เรียกว่า BRAT เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ไม่สบายท้อง เนื่องจากคลื่นไส้และท้องร่วง อาหาร BRAT มีกากใยต่ำ และไม่มีเกลือ หรือเครื่องเทศ ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร สูตรอาหารรับประทานง่ายและมีสารอาหารครบถ้วนนี้ นี้เหมาะสำหรับเวลาที่คุณรู้สึกไม่สบาย หากคุณปิ้งขนมปังให้เกรียมเล็กน้อย อาจช่วยดูดซึมสารพิษในกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาหารปวดได้

    อาหาร CRAP (เชอร์รี่ ลูกเกด แอปริคอต และลูกพรุน)

    ในขณะที่สูตรอาหารแบบ BRAT ให้ผลดีต่ออาการคลื่นไส้และท้องร่วง อาหารที่พบในสูตร CRAP ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องที่เกิดจากอาการท้องผูก อาหารเหล่านี้มีกากใยสูงซึ่งช่วยลดอาการไม่สบายท้องได้

    ไม่ว่าคุณจะมีแก๊สในกระเพาะ ท้องผูก คลื่นไส้ หรืออาหารไม่ย่อย อาหารเหล่านี้สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ แต่หากคุณแพ้อาหารชนิดใด หรือเป็นโรคที่ไม่ควรรับประทานอาหารที่กล่าวมา ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการสำหรับเมนูอาหารที่เหมาะกับคุณ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ฤทธิศักดิ์ วงศ์วุฒิพงษ์ · แก้ไขล่าสุด 24/09/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา