backup og meta

เนื้องอกตับ อาการ สาเหตุ และการรักษา

เนื้องอกตับ อาการ สาเหตุ และการรักษา

เนื้องอกตับ เป็นก้อนเนื้อในตับที่ไม่ใช่มะเร็งและไม่เป็นอันตราย ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจเกิดจากพันธุกรรม ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือความซับซ้อนของเส้นเลือดในตับ เนื้องอกตับมักไม่มีอาการที่ชัดเจน ดังนั้ จึงควรหมั่นสังเกตและดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติเกิดขึ้นควรเข้าพบคุณหมอ เพื่อเข้ารับการตรวจและวินิจฉัยอาการ

[embed-health-tool-bmi]

คำจำกัดความ

เนื้องอกตับ คืออะไร

เนื้องอกตับชนิดฮีแมงจิโอมา (Liver Hemangioma) เป็นก้อนเนื้อในตับที่ไม่ใช่มะเร็ง และไม่เป็นอันตราย โดยเนื้องอกตับอาจเกิดจากความซับซ้อนของเส้นเลือดในตับ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักตรวจพบเนื้องอกที่ตับระหว่างการตรวจร่างกายหรือการรักษาโรคอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีเนื้องอกที่ตับมักไม่ค่อยมีสัญญาณบ่งชี้หรืออาการที่ชัดเจน และไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แม้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า เนื้องอกในตับที่ไม่ได้รับการรักษาจะสามารถก่อให้เกิดมะเร็งตับได้ แต่การตรวจพบเนื้องอกในตับก็อาจทำให้เกิดความกังวลใจได้ ดังนั้น จึงควรหมั่นสังเกตตัวเองและดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาคุณหมอ

เนื้องอกตับพบบ่อยเพียงใด

เนื้องอกที่ตับเป็นเนื้องอกในบริเวณตับที่ไม่เป็นอันตรายที่พบได้มากที่สุด โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

อาการ

อาการของเนื้องอกตับ

ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ เนื้องอกตับไม่มีสัญญาณบ่งชี้หรืออาการใด ๆ แต่อาจมีสัญญาณบ่งชี้และอาการบางอย่างที่สัมพันธ์กับการเกิดเนื้องอกที่ตับ ดังนี้

  • มีอาการปวดที่ช่องท้องด้านขวาบน
  • รู้สึกอิ่มแม้รับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย
  • คลื่นไส้
  • อาเจียน

อย่างไรก็ดี อาการเหล่านี้ไม่ชัดเจนและอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังอาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้นปรากฏได้อีกด้วย ดังนั้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ โปรดปรึกษาคุณหมอ

ควรไปหาคุณหมอเมื่อไหร่

หากมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาคุณหมอ เนื่องจากร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของตัวเอง

สาเหตุ

สาเหตุของเนื้องอกตับ

ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดเกี่ยวกับการที่เส้นเลือดเกาะตัวกันและทำให้เกิดเนื้องอกที่ตับ อย่างไรก็ตาม คุณหมอคาดว่าอาจเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม และเนื้องอกที่ตับบางชนิดอาจเป็นความผิดปกติแต่กำเนิด

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของเนื้องอกตับ

ปัจจัยความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดเนื้องอกที่ตับอาจมี ดังนี้

  • อายุ เนื้องอกที่ตับสามารถตรวจพบได้ในทุกช่วงอายุ แต่มักตรวจพบได้มากที่สุดในผู้ที่อายุ 30-50 ปี
  • เพศ ผู้หญิงมีโอกาสมากกว่าที่จะตรวจพบเนื้องอกที่ตับได้มากกว่าผู้ชาย
  • ผู้หญิงที่เคยตั้งครรภ์มีโอกาสมากกว่าที่จะตรวจพบเนื้องอกที่ตับ มากกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยตั้งครรภ์ เเนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มสูงขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ อาจมีบทบาทต่อการเติบโตของเนื้องอกที่ตับ
  • การเสริมฮอร์โมน ผู้หญิงที่ใช้การเสริมฮอร์โมนสำหรับอาการในวัยหมดประจำเดือนอาจมีโอกาสที่จะตรวจพบเนื้องอกที่ตับได้มากกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ใช้การเสริมฮอร์โมน

การวินิจฉัยและการรักษาโรค

ข้อมูลที่นำเสนอในที่นี้ ไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยเนื้องอกตับ

การทดสอบและขั้นตอนที่ใช้วินิจฉัยเนื้องอกที่ตับ มีดังนี้

  • อัลตราซาวด์ (Ultrasound)
  • การตรวจด้วยซีทีสแกน (CT Scan)
  • การตรวจด้วยการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

อาจมีการทดสอบและขั้นตอนอื่น ๆ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล

การรักษาเนื้องอกตับ

แม้เนื้องอกที่ตับส่วนใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องรักษา แต่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง หากเนื้องอกตับมีขนาดใหญ่และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ รวมทั้งก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือความเสียหายต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของตับ คุณหมออาจตัดสินใจผ่าตัดน้ำส่วนที่ได้รับผลกระทบออกทั้งหมด

ในกรณีที่เนื้องอกที่ตับสามารถเติบโตได้หากมีกระแสเลือดไปหล่อเลี้ยงมากพอ คุณหมออาจผูกหลอดเลือดหลักที่ลำเลียงเลือดไปยังเนื้องอกที่ตับให้เป็นปม ในขณะที่บริเวณโดยรอบตับจะได้รับเลือดจากหลอดเลือดอื่น ๆ และยังคงมีสุขภาพดี การผ่าตัดแบบนี้เรียกว่า การผ่าตัดผูกเส้นเลือดแดงเฮพาติค (Hepatic Artery Ligation)

ในกรณีอื่น ๆ คุณหมออาจฉีดยาเข้าไปในเนื้องอกที่ตับเพื่อขัดขวางกระแสเลือด ซึ่งทำให้เนื้องอกที่ตับหายไปในที่สุด เรียกว่า การอุดเส้นเลือด (Arterial Embolization)

นอกจากนี้ อาจจำเป็นต้องมีการปลูกถ่ายตับ โดยตับที่เสียหายจะได้รับการแทนที่ด้วยตับของผู้บริจาค แต่เฉพาะในกรณีที่เนื้องอกที่ตับมีขนาดใหญ่มากหรือมีการเพิ่มจำนวน และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นเท่านั้น หรือในบางกรณีอาจจำเป็นต้องมีการฉายรังสีเพื่อลดขนาดเนื้องอกลง อย่างไรตาม รูปแบบการรักษานี้พบได้น้อยมาก

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับเนื้องอกตับ

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ อาจช่วยรับมือกับเนื้องอกที่ตับได้

  • เนื้องอกที่ตับมักไม่ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนในอนาคต แต่อาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติหากมีขนาดเพิ่มขึ้น จึงควรหมั่นสังเกตอาการใด ๆ ที่อาจสัมพันธ์กับการเพิ่มขนาดของเนื้องอกที่ตับ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเรื้อรังบริเวณช่องท้องด้านขวาบน
  • ควรการดูแลรักษาสุขภาพตับ โดยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมน้ำหนักร่างกาย และงดสูบบุหรี่

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Liver hemangioma. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/liver-hemangioma/symptoms-causes/syc-20354234. Accessed November 14, 2017.

Hepatic hemangioma -review-. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4564031/. Accessed March 21, 2023

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4564031/

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4564031/

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4564031/

เวอร์ชันปัจจุบัน

21/03/2023

เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย

อัปเดตโดย: สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


บทความที่เกี่ยวข้อง

อาหารบำรุงตับอ่อน ที่ช่วยลดความเสี่ยงตับอ่อนอักเสบ

ตับอ่อน หน้าที่ มีอะไรบ้าง และเกี่ยวข้องอย่างไรกับระดับน้ำตาลในเลือด


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 21/03/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา