แม้เนื้องอกที่ตับส่วนใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องรักษา แต่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง หากเนื้องอกตับมีขนาดใหญ่และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ รวมทั้งก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือความเสียหายต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของตับ คุณหมออาจตัดสินใจผ่าตัดน้ำส่วนที่ได้รับผลกระทบออกทั้งหมด
ในกรณีที่เนื้องอกที่ตับสามารถเติบโตได้หากมีกระแสเลือดไปหล่อเลี้ยงมากพอ คุณหมออาจผูกหลอดเลือดหลักที่ลำเลียงเลือดไปยังเนื้องอกที่ตับให้เป็นปม ในขณะที่บริเวณโดยรอบตับจะได้รับเลือดจากหลอดเลือดอื่น ๆ และยังคงมีสุขภาพดี การผ่าตัดแบบนี้เรียกว่า การผ่าตัดผูกเส้นเลือดแดงเฮพาติค (Hepatic Artery Ligation)
ในกรณีอื่น ๆ คุณหมออาจฉีดยาเข้าไปในเนื้องอกที่ตับเพื่อขัดขวางกระแสเลือด ซึ่งทำให้เนื้องอกที่ตับหายไปในที่สุด เรียกว่า การอุดเส้นเลือด (Arterial Embolization)
นอกจากนี้ อาจจำเป็นต้องมีการปลูกถ่ายตับ โดยตับที่เสียหายจะได้รับการแทนที่ด้วยตับของผู้บริจาค แต่เฉพาะในกรณีที่เนื้องอกที่ตับมีขนาดใหญ่มากหรือมีการเพิ่มจำนวน และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นเท่านั้น หรือในบางกรณีอาจจำเป็นต้องมีการฉายรังสีเพื่อลดขนาดเนื้องอกลง อย่างไรตาม รูปแบบการรักษานี้พบได้น้อยมาก
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับเนื้องอกตับ
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ อาจช่วยรับมือกับเนื้องอกที่ตับได้
- เนื้องอกที่ตับมักไม่ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนในอนาคต แต่อาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติหากมีขนาดเพิ่มขึ้น จึงควรหมั่นสังเกตอาการใด ๆ ที่อาจสัมพันธ์กับการเพิ่มขนาดของเนื้องอกที่ตับ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเรื้อรังบริเวณช่องท้องด้านขวาบน
- ควรการดูแลรักษาสุขภาพตับ โดยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมน้ำหนักร่างกาย และงดสูบบุหรี่
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย