มะลิ เป็นพืชเขตร้อน พบได้มากในจีน ญี่ปุ่น และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทย ลักษณะของลำต้นเป็นไม้พุ่มออกดอกสีขาวมีกลิ่นหอม นิยมนำดอกมะลิมาสกัดใช้เป็นยาบำรุงสุขภาพ แก้ปวดท้อง น้ำมันหอมระเหยจากดอกมะลิช่วยให้ผ่อนคลาย ส่วนมะลิบางสายพันธุ์สามารถนำดอกมาทำเป็นชามะลิ มะลิอาจช่วยแก้ปัญหาน้ำนมล้นเต้ามากเกินไป ในกรณีของผู้หญิงให้นมบุตรหรือผู้ที่ต้องการหยุดน้ำนมหลังคลอด อีกทั้งยังมีสารแอโฟรดิซซิแอค (Aphrodisiac) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศตามธรรมชาติ นอกจากนั้น กลิ่นของมะลิอาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน และช่วยทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลายจากความเครียด
[embed-health-tool-bmi]
คุณค่าทางโภชนาการของมะลิ
ดอกมะลิแห้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 0 กิโลแคลอรี่ โดยมีโซเดียมประมาณ 20 มิลลิกรัม
นอกจากนั้น ยังนิยมนำดอกมะลิไปต้มร่วมกับใบชาได้เป็นชามะลิ โดยชามะลิ 1 ถ้วย ให้พลังงาน 0 กิโลแคลอรี่ และมีแร่ธาตุต่าง ๆ จากใบชา อาทิ เหล็ก สังกะสี โพแทสเซียม ทองแดง และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดระดับคอเลสเตอรอล บำรุงสุขภาพ
ประโยชน์ของมะลิต่อสุขภาพ
มะลิ เป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน โดยมีผลการศึกษาสนับสนุน ดังต่อไปนี้
1.อาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
กลิ่นหอมของดอกมะลิ อาจมีสรรพคุณช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดประจำเดือนได้
อ้างอิงจากการศึกษาชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับผลของการของสูดน้ำมันหอมระเหยจากมะลิ ต่ออาการปวดประจำเดือนในสตรีวัยรุ่น เผยแพร่ในวารสาร International Journal of Science and Research ปี พ.ศ. 2561
ในการศึกษาดังกล่าว ได้ให้หญิงวัยมีประจำเดือนจำนวน 55 รายสูดดมกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยจากมะลิ ทั้งนี้นักวิจัยได้อธิบายว่า เมื่อสูดดมน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากดอกมะลิ โมเลกุลของน้ำมันหอมระเหย จะเข้าไปในร่างกาย กระตุ้นสมองและอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้หลั่งสารที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายหรือรู้สึกมีความสุข เช่น ไดนอร์ฟิน (Dynorphin) เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) นอกจากนั้นสารเหล่านั้นอาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน จึงสรุปได้ว่า ผู้หญิงที่มีประวัติปวดประจำเดือนหากสูดดอมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะลิก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือนอาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้
2.อาจช่วยบรรเทาอาหารเต้านมคัดตึง
มะลิ มีสรรพคุณระงับการผลิตน้ำนมสำหรับผู้ที่ต้องการหยุดน้ำนมหลังคลอด หรือผู้ที่มีน้ำนมไหลออกมามากเกินไปขณะให้นมบุตร เนื่องจากมะลิอาจไปช่วยลดระดับฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการผลิตน้ำนม นอกจากนั้น การใช้น้ำมันดอกมะลิทาบริเวณเต้านม อาจช่วยบรรเทาอาการเต้านมคัดตึง ในผู้หญิงระยะให้นมบุตรที่เกิดจากน้ำนมสะสมในเต้ามากเกินไปได้
จากผลการวิจัยชิ้นหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Obstetrics and Gynaecology ปี พ.ศ. 2531 เกี่ยวกับการดูแลสตรีในภาวะหลังคลอดโดยใช้ดอกมะลิ นักวิจัยพบว่า การบริโภคมะลิอาจช่วยยับยั้งการผลิตน้ำนมหลังคลอดได้ เช่นเดียวกับการรับประทานยาโบรโมคริปทีน (Bromocriptine) อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับยาโบรโมคริปทีนแล้ว ยาสามารถระงับปริมาณน้ำนมให้ลดลงได้ดีกว่าดอกมะลิ
3.อาจช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า
น้ำมันหอมระเหยจากดอกมะลิ มีคุณสมบัติช่วยลดความดันเลือดในขณะที่หัวใจบีบหรือคลายตัว ซึ่งอาจช่วยบำบัดอาการซึมเศร้ารวมถึงควบคุมความดันโลหิตได้
งานวิจัยหนึ่งศึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณของน้ำมันดอกมะลิ ที่ใช้การนวดแบบสุคนธบำบัดหรือการนวดพร้อมใช้กลิ่นเพื่อบำบัดโรค เผยแพร่ในวารสาร Natural Product Communications ปี พ.ศ. 2553 โดยได้ทดลองจะทาน้ำมันหอมระเหยจากมะลิและยาหลอกลงบนหน้าท้องของอาสาสมัครและนวดบำบัด จากนั้นตรวจวัดความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย พบว่าผู้ที่ทาน้ำมันหอมระเหยจากมะลิมีอัตราการหายใจดีขึ้น ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดดีขึ้น ความดันโลหิตดีขึ้น การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น อีกทั้งอาสาสมัครที่ทาน้ำมันหอมระเหยรู้สึกสงบขึ้น อารมณ์ดีขึ้น จึงสรุปได้ว่า น้ำมันดอกมะลิมีสรรพคุณที่อาจช่วยลดอาการซึมเศร้า และช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้
ขณะเดียวกัน บทความวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสุคนธบำบัดต่อโรคซึมเศร้า เผยแพร่ในวารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine ปี พ.ศ. 2560 ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์งานวิจัยหลาย ๆ ชิ้น ยังระบุว่า การนวดแบบสุคนธบำบัด และการสูดดมน้ำมันหอมระเหยต่าง ๆ อาจทำให้อาการซึมเศร้าทุเลาลงได้ ทั้งนี้ การนวดแบบสุคนธบำบัดจะให้ผลดีกว่าการสูดดมเพื่อบำบัดเพียงอย่างเดียว
4.อาจช่วยให้จิตใจสงบ
มะลิ มีสารกล่อมประสาทช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย การสูดดมกลิ่นมะลิ อาจช่วยให้จิตใจสงบลง นอกจากนั้น กลิ่นหอมของดอกมะลิส่งผลโดยตรงต่อการหลั่งสารเคมีในระบบประสาทในสมองที่ชื่อว่า กาบา (Gaba) ทำให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความกังวลและความตึงเครียด
โดยมีผลงานวิจัยหนึ่งซึ่งทำการทดสอบเกี่ยวกับคุณสมบัติของกลิ่นมะลิในชา เผยแพร่ในวารสาร European Journal of Applied Physiology ปี พ.ศ.2548
ในการทดสอบดังกล่าว นักวิจัยให้อาสาสมัครที่มีสุขภาพดีจำนวน 24 ราย ดมกลิ่นชามะลิในระดับความเข้มข้นต่ำ แล้ววัดอัตราการเต้นของหัวใจ พบว่า อาสาสมัครหัวใจเต้นช้าลง จิตใจสงบ อารมณ์ดี จึงอาจสรุปได้ว่า กลิ่นของชามะลิ อาจมีฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้ภาวะอารมณ์ รวมถึงระบบประสาทอัตโนมัติของมนุษย์สงบลง
ข้อควรระวังในการบริโภคและใช้มะลิ
โดยทั่วไปการบริโภคและใช้มะลิค่อนข้างปลอดภัย ทั้งการดื่มชามะลิ การสูดดมน้ำมันหอมระเหยดอกมะลิ แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนว่าการใช้มะลิเพื่อเป็นยานั้นปลอดภัยต่อร่างกายหรือไม่ และมะลิอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางราย รวมทั้งอาจเป็นสาเหตุของภาวะสุขภาพต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- อาการระคายเคือง น้ำมันจากดอกมะลิ ซึ่งใช้ในการนวดแบบสุคนธบำบัด อาจเป็นสาเหตุของการระคายเคืองบริเวณผิวหนัง หากได้รับในปริมาณมากหรือถี่เกินไป ทั้งนี้ ผู้ที่มีผิวหนังไวต่อสารต่าง ๆ ควรเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยที่เจือจางแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงผิวหนังระคายเคืองหรือเกิดอาการแพ้
- ไมเกรน กลิ่นหอมของดอกมะลิ อาจทำให้อาการปวดหัวเนื่องจากโรคไมเกรนรุนแรงขึ้น ดังนั้น ผู้ป่วยไมเกรนจึงควรเลี่ยงดมกลิ่นดอกมะลิ
สตรีมีครรภ์และหญิงให้นมบุตร สามารถบริโภคและใช้มะลิได้อย่างปลอดภัยในปริมาณจำกัด โดยเฉพาะการบริโภคชามะลิเนื่องจากปริมาณคาเฟอีนที่อยู่ในชา นอกจากนี้ ควรปรึกษาคุณหมอหากต้องการนวดแบบสุคนธบำบัดและสูดดมน้ำมันหอมระเหยดอกมะลิ