กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา เป็นเมนูง่าย ๆ ใช้แค่วัตถุดิบไม่กี่อย่าง ที่นอกจากจะมีรสชาติอร่อย ทำง่าย ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ทั้งวิตามินซี วิตามินบี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส อีกทั้งยังมีใยอาหารสูง และมีแคลอรี่ต่ำ ที่อาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอีกด้วย
[embed-health-tool-bmi]
ประโยชน์ของ กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา
หากพูดถึงคุณค่าทางโภชนาการ กล่าวได้ว่า กะหล่ำปลี จัดเป็นพืชตระกูลกะหล่ำชนิดหนึ่ง มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แถมยังมีไฟเบอร์สูง น้ำตาลน้อย แคลอรี่ต่ำอีกด้วย จากการศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่า การบริโภคกะหล่ำปลีช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ แถมยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย
ไม่ใช่แค่อุดมไปด้วยสารอาหารดีๆ แต่กะหล่ำปลียังมีสารที่เรียกว่า ซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยขับสารพิษจากตับ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยต้านมะเร็งได้
นอกจากวัตถุดิบหลักอย่างกะหล่ำปลีแล้ว วัตถุดิบรองอย่างกระเทียมก็อุดมไปด้วยประโยชน์สุขภาพไม่แพ้กัน กระเทียมนอกจากจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมชวนรับประทานให้กับกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาของเราแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้นกัน ช่วยต้านการอักเสบ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด จึงมีส่วนช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงขึ้นได้ด้วย เรียกได้ว่าแม้จะกลิ่นแรงไปหน่อยสำหรับบางคน แต่ถ้าเปิดใจยอมรับ กระเทียมก็สามารถช่วยให้สุขภาพคุณดีขึ้นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
สูตรกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา
ส่วนผสม
- กะหล่ำปลีหั่นชิ้น 300 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- ปลาข้าวสารทอดกรอบ
วิธีทำ
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช รอให้ร้อน
- ใส่กระเทียมลงผัดให้หอม
- ใส่กะหล่ำปลีลงไปผัดพอสุก
- ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม น้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เติมน้ำเปล่า ผัดต่ออีกสักครู่ให้เข้ากัน
- ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยปลาข้าวสาร จัดเสิร์ฟ
กะหล่ำปลีผัดน้ำปลากลิ่นหอมฉุยยั่วน้ำลายมาเสิร์ฟแล้ว ตักข้าวสวยร้อนๆ รอได้เลย! ยิ่งถ้ารับประทานกับข้าวไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้องงอกสีนิล ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวสังห์หยด ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพขึ้นไปอีก ใครจะลดโซเดียมและน้ำตาลด้วยการลดปริมาณเครื่องปรุงรสลง หรือจะเปลี่ยนจากน้ำมันพืชเป็นน้ำมันมะกอกก็สามารถทำได้