“ธาลัสซีเมีย (Thalassemia)” เชื่อว่าหลาย ๆ คนหากได้ยินชื่อโรคนี้คงรู้สึกกลัว เพราะคิดว่าเป็นโรคที่น้อยคนนักจะเป็น และหากเป็นขึ้นมาก็อาจมีอาการรุนแรงเกินเยียวยา อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรค รวมไปถึงศึกษาว่าหากป่วยเป็น ธาลัสซีเมีย ห้ามกินอะไร และควรเลือกกินอะไร อาจช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
[embed-health-tool-bmi]
ธาลัสซีเมีย คืออะไร
โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) คือ โรคโลหิตจางชนิดหนึ่งที่มีสาเหตุเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมระดับยีนทำให้การสร้างฮีโมโกบิล (Hemoglobin หรือ Hb) ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงผิดปกติ ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้น แตกง่าย ถูกทำลายง่าย จัดเป็นโรคโลหิตจางทางพันธุกรรมที่พบบ่อยที่สุดในโลก
การกินอาหาร กับระดับอาการของ โรคธาลัสซีเมีย
หลายคนอาจจะคิดว่า การกินอาหาร ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรค แต่ความจริงแล้วการกินอาหารยังคงสัมพันธ์กับระบบอวัยวะภายในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพราะอวัยวะส่วนต่าง ๆ จะทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารไปใช้ประโยชน์ แต่สำหรับผู้ป่วย โรคธาลัสซีเมีย จะไม่สามารถรับธาตุเหล็กในปริมาณมากได้ เพราะผู้ป่วยโรคนี้มักเกิดภาวะธาตุเหล็กเกิน และร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กมากกว่าคนทั่วไป
ซึ่งการมีธาตุเหล็กเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไปจะส่งผลให้รบกวนการทำงานของระบบอวัยวะส่วนต่าง ๆ และทำให้อาการของโรคทวีความรุนแรงมากขึ้น จนอาจถึงขั้นหัวใจล้มเหลวได้ ดังนั้น การเลือกกินอาหารให้เหมาะสมกับจึงมีความสำคัญและสัมพันธ์ระดับอาการของ โรคธาลัสซีเมีย เป็นอย่างมาก หากเลือกกินอาหารได้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยลดระดับความรุนแรงของอาการได้มากเลยทีเดียว
ป่วยเป็น ธาลัสซีเมีย ห้ามกินอะไร
ผู้ป่วย โรคธาลัสซีเมีย ที่มีความรุนแรงของโรคในระดับปานกลางไปถึงระดับสูง ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เพราะดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าผู้ป่วย โรคธาลัสซีเมีย มีภาวะธาตุเหล็กเกิน เนื่องจาก ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กมากกว่าร่างกายคนทั่วไป และจะส่งผลต่อความรุนแรงของ โรคธาลัสซีเมีย ดังนั้นจึงควรเลี่ยงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ดังนี้
- หอยชนิดต่าง ๆ
- เนื้อสัตว์ที่มีสีแดงเช่น เนื้อวัว เนื้อหมู
- ผลิตภัณฑ์จากเลือดสัตว์
- เครื่องในสัตว์
- เมล็ดฟักทอง
- งาขาว
- งาดำ
- ดาร์กช็อกโกแลต
- ผักกูด
- กะเพราแดง
การกินอาหาร ที่เหมาะสมกับผู้ป่วย โรคธาลัสซีเมีย
ผู้ป่วย โรคธาลัสซีเมีย มีความผิดปกติของร่างกายทั้งเรื่องการเจริญเติบโตของร่างกาย ภูมิคุ้มกันต่ำ ความหนาแน่นของมวลกระดูกน้อย และยังเสี่ยงต่อการแตกของเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น ดังนั้นผู้ป่วยโรคนี้จึงควรเลือกกินอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยเสริมการเจริญเติบโตและภูมิคุ้มกัน เช่น อาหารที่มีโปรตีนสูง อาหารที่มีกรดโฟลิกเพื่อช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง อาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินอีและวิตามินซีสูง เพื่อช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายที่เป็นสาเหตุให้เม็ดเลือดแตกแตกหักง่าย
อาหารที่ผู้ป่วย โรคธาลัสซีเมีย ควรกิน
อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น
- เนื้อปลาทะเล
- เนื้อไก่
- ถั่วเหลือง
- ถั่วเขียว
- ข้าวกล้อง
- ข้าวบาเลย์
อาหารทีมีกรดโฟลิก (Folic Acid) สูง เช่น
- ตำลึง
- กะหล่ำปลี
- มะเขือเทศ
- คะน้า
- ไข่แดง
- มันหวาน
- ขนมปังธัญพืช
- อาหารจำพวกถั่ว
- กล้วย
- ลูกพีช
อาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินซีสูง เช่น
- มะละกอ
- ฟักทอง
- เสาวรส
- ฝรั่ง
- มะยม
- ผักหวาน
เคล็ดลับการกินอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย
- การกินอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินดี เช่น นมถั่วเหลือง น้ำมันตับปลา จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมและเสริมสร้างแคลเซียมซึ่งช่วยในการเจริญเติบโต และช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้นได้
- การดื่มนมวันละ 2 แก้ว ช่วยลดอาการของ โรคธาลัสซีเมีย ได้
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารขยะและอาหารสำเร็จรูป เพราะส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และมีส่วนทำให้ร่างกายอ่อนแอ
- การกินขิง และดื่มนมผสมน้ำผึ้งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วย โรคธาลัสซีเมีย ติดเชื้อแทรกซ้อน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการขั้นรุนแรงกว่าเดิมได้ในระยะยาว