ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงต้องได้รับการดูแลเพื่อบรรเทาอาการ เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำมาก ๆ และควบคุมอาการไข้ รับประทานยาที่บรรเทาอาการเจ็บคอ บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และมีไข้ แต่ไม่ควรให้ยาแอสไพรินกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 19 ปี
องค์การอาหารและยา (FDA) อนุมัติยาต้านไวรัสเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) เพื่อรักษาโควิด 19 ในผู้ใหญ่ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และอนุญาตให้ใช้ยาบาริซิทินิบ (Baricitinib) เพื่อรักษาโควิด 19 ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งในบางกรณีอาจช่วยต้านโควิด 19 โดยลดการอักเสบและมีฤทธิ์ต้านไวรัส
ในประเทศไทยองค์การเภสัชกรรมได้ทำการวิจัยและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์วัตถุดิบยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งเป็นยาต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอาร์เอ็นเอไวรัสหลายชนิด ที่อยู่ในสูตรยารักษาโควิด 19 ของไทย สามารถลดความรุนแรงและการสูญเสียจากโควิด 19 ได้ ยาฟาวิฟิราเวียร์จะออกฤทธิ์ 2 แบบ คือ ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสและทำให้เชื้อไวรัสกลายพันธุ์จนภูมิต้านทางสามารถทำลายไวรัสจนหมด หรือเหลือจำนวนน้อยจนไม่สามารถก่อโรคได้ คุณหมอจะพิจารณาให้ยาฟาวิฟิราเวียร์ในผู้ป่วยที่มีภาวะปอดอักเสบและอาการรุนแรง รวมทั้งผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงเป็นโรครุนแรง ได้แก่
- อายุมากกว่า 60 ปี
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ ไตเรื้อรัง เบาหวาน ภาวะอ้วน ะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
สำหรับการรักษาโควิด 19 ระดับอ่อนถึงปานกลาง มีความเสี่ยงสูงที่จะพัฒนาเป็นอาการรุนแรง อาจใช้ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal Antibody) หลายชนิด รวมถึงโซโตรวิแมบ (Sotrovimab) คาซิริวิแมบ (Casirivimab) และอิมเดวิแมบ (Imdevimab) ด้วยวิธีฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ซึ่งต้องได้รับทันทีหลังจากเริ่มมีอาการของโควิด 19
นอกจากนี้ องค์การอาหารและยา (FDA) ยังอนุมัติการรักษาด้วยพลาสมาของผู้ที่ฟื้นจากโรค (Convalescent Plasma) ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นวิธีถ่ายเลือดจากผู้ที่เคยหายจากโควิด 19 ใช้สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยหรือมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองที่จะช่วยจัดการกับโควิด 19
การป้องกันตัวเองและคนรอบข้างเพื่อลดการแพร่เชื้อโควิด 19 สามารถทำได้ดังนี้
- รักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร หลีกเลี่ยงการอยู่ในฝูงชนและการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่นถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการก็ตาม
- เข้ารับการฉีดวัคซีนทันทีและปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน เพื่อประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันโรค
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจติดอยู่ที่มือ
- สวมหน้ากากอนามัยที่พอดีและปิดสนิทเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หากไอหรือจามให้ปิดปากและจมูกด้วยข้อศอกหรือกระดาษทิชชู่ ควรทิ้งกระดาษทิชชู่ที่ใช้แล้วทันทีและล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการหรือผลตรวจโควิด 19 เป็นบวกให้กักตัวเอง 14 วัน หรือจนกว่าจะหายดี และได้รับการตรวจยืนยันอีกครั้ง
การรักษาสุขอนามัยที่ดีเพื่อกำจัดเชื้อโรคและป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจายสู่ผู้อื่นและตนเอง ดังนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย